ถนนอันตราย ไม่ถึง 24 ชม. เกิดอุบัติเหตุรถลื่นไถลตกถนนซ้ำอีก
ฉะเชิงเทรา – ถนนอันตราย เกิดอุบัติเหตุห่างกันไม่ถึง 24 ชม. ซ้ำซากบนเส้นทางสายเดิมในส่วนขยายใหม่ 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ช่วงตอนสี่แยกกองพลทหารราบที่ 11 ไปบางคล้า ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ส่วนตัวรถและเสาไฟส่องสว่างรายทางพังยับ ขณะผู้เห็นเหตุการณ์ระบุพบเห็นท้ายรถสะบัดก่อนเสียหลักออกนอกเส้นทาง ยันมีอุบัติเหตุซ้ำซากต่อเนื่องเป็นประจำ ระบุถนนสายเดิมอุบัติเหตุไม่เคยเกิดถี่ยิบขนาดนี้
วันที่ 4 ก.ค.63 เวลา 01.15 น. ร.ต.อ.ทีปต์ ไม้ลึกดี รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีรถยนต์กระบะลื่นเสียหลักตกถนนลงไปในเกาะกลาง ก่อนพุ่งเข้าไปชนเข้ากับเสาไฟส่องสว่างตามรายทางจนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่บริเวณบนถนนสาย 304 ก่อนถึงทางแยกเข้าวัดสมานรัตนารามประมาณ 500 เมตรจากตัวเมืองฉะเชิงเทรามุ่งไปยัง อ.บางคล้า พื้นที่ ม.8 ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะเชฟโรเลต แบบแค็บ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บม-2920 ฉะเชิงเทรา ปลิวไปฟาดติดอยู่กับเสาไฟส่องสว่างด้านฝั่งขาออกของขอบทางคู่ขนานด้านใน สภาพตัวรถพังยับเยิน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนขับ 1 ราย ทราบชื่อ คือ นายภาณุพงศ์ นาคสมบูรณ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/1 ม.13 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา มีอาการแขนขวาหักและจุกแน่นหน้าอก ถูกนำตัวส่งไปทำการรักษายังที่ รพ.รวมแพทย์ อ.เมืองฉะเชิงเทรา
สอบถาม นายยุทธนา ยังให้ผล อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 ม.11 ต.บางเตย ซึ่งขับรถตามหลังกันมา เล่าว่า ตนเองพร้อมผู้ได้รับบาดเจ็บกำลังขับรถมาจาก อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านพักใน ต.บางเตย จำนวน 3 คัน โดยนายภาณุพงศ์ ขับนำหน้ามาในเลนด้านขวาสุด ส่วนตนขับตามหลังมา และอีกคันขับมาในเลนคู่ขนานด้านนอก
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุท่ามกลางฝนที่กำลังตกพรำลงมา ได้เห็นรถยนต์คันที่นายภาณุพงศ์ขับมา มีอาการท้ายรถสะบัดร่อนก่อนที่จะเสียหลักพุ่งตกลงไปยังในคูน้ำ และตัวรถได้ปลิวพุ่งข้ามไปชนฟาดเข้ากับเสาไฟส่องสว่างรายทางด้านฝั่งขาออกจนทำให้ตัวรถเสียหายและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว โดยที่ตนไม่ทราบว่า นายภาณุพงศ์ นั้นได้เหยียบเบรกในขณะที่ตัวรถกำลังสะบัดหรือไม่
โดยถนนสายนี้ตนใช้เส้นทางผ่านอยู่เป็นประจำประมาณ 2-3 วันครั้ง จึงได้ผ่านมาพบเห็นรถยนต์ประสบอุบัติเหตุตกถนนและพุ่งชนท้ายกันบ่อยครั้งมาก ทั้งที่ก่อนหน้าเมื่อครั้งที่เป็นถนนลาดยางแบบเก่าและยังไม่ได้ขยายเส้นทาง ไม่พบว่ามีรถลื่นไถลตกถนนและชนกันบ่อยครั้งในลักษณะนี้บ่อยนัก ทั้งที่เป็นถนนคอนกรีตที่ล้อรถน่าจะยึดเกาะผิวถนนได้ดีกว่า แต่ในตอนนี้ตนเชื่อว่าผิวถนนนั้นลื่นจนตัวรถไม่ยึดเกาะกับพื้นถนน จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง นายยุทธนา กล่าว
ด้านนายสุรพงศ์ อวยพร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.13 ต.บางเตย คนขับรถตามกันมาอีกคัน กล่าวว่า ถนนที่สร้างขยายใหม่นี้มีลักษณะเหมือนกับผิวถนนลื่นง่าย ไม่สัมผัสยึดกับตัวยางล้อรถ ไม่เหมือนกับพื้นผิวถนนทั่วไป คล้ายๆ กับตัวรถลอยอยู่เหนือผิวถนนโดยเฉพาะเวลาเข้าโค้งจึงทำให้ลื่นง่าย ทั้งที่ถนนคอนกรีตล้อยางรถยนต์น่าจะเกาะถนนได้ดีกว่าถนนลาดยาง
โดยที่สมรรถนะของรถยนต์ก็ตรงตามสเปค แต่เหตุใดจึงลื่นไถลตกถนนได้ง่ายมาก จึงเป็นเรื่องที่แปลกมาก โดยตนใช้เส้นทางถนนสายนี้อยู่เป็นประจำ ไปกลับระหว่าง อ.พนมสารคาม และ อ.เมือง และได้เห็นว่ามีรถตกถนนอยู่เป็นประจำ จึงทำให้รู้สึกว่าน่ากลัว ส่วนการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตนไม่ทราบว่าจะให้ผู้รับผิดชอบเขาแก้ไขอย่างไร แต่ถนนสายเก่าไม่เคยลื่นถึงขนาดนี้มาก่อน เพราะเห็นคนลื่นตกถนนกันบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตก นายสุรพงศ์ กล่าว
ขณะที่ ร.ต.ต.บุญทัน เกตุงาม เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตำบลบางไผ่ กล่าวว่า รถที่มาประสบอุบัติเหตุในลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในวันที่มีฝนตก และจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากเนื่องจากถนนลื่น โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกลงมาใหม่ๆ ในปีนี้ เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมามีเกิดอุบัติเหตุวันละ 20-30 ราย แต่ในขณะนี้เริ่มลดลงมาบ้างแล้ว หลังจากทางแขวงการทางเริ่มเข้ามาแก้ไขปัญหาด้วยการจำกัดความเร็วให้ผู้ใช้ถนนขับรถเบาลงไม่เกิน 80 กม./ชม. และมีการเข้ามาปรับปรุงล้างผิวการจราจรจึงทำให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นลดลงมาบ้างแล้ว ร.ต.ต.บุญทัน กล่าว