รีเซต

นักวิจัยพบ "รังแมงมุมยักษ์" 1 แสนตัว อยู่ร่วมกันในถ้ำกำมะถันโดยไม่ต้องพึ่งแสงจากดวงอาทิตย์

นักวิจัยพบ "รังแมงมุมยักษ์" 1 แสนตัว อยู่ร่วมกันในถ้ำกำมะถันโดยไม่ต้องพึ่งแสงจากดวงอาทิตย์
TNN ช่อง16
10 พฤศจิกายน 2568 ( 10:34 )
11

ทีมนักวิจัยนานาชาติ นำโดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากสมาคมสปีลิโอวิทยาเช็ก (Czech Speleological Society) ซึ่งเป็นองค์กรสำรวจถ้ำจาก สาธารณรัฐเช็ก ค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติครั้งใหม่ เมื่อพบ “อาณาจักรแมงมุม” ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ภายในถ้ำใต้ดินชื่อ ถ้ำกำมะถัน (Sulfur Cave) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนแอลเบเนียและกรีซ เป็นบ้านของแมงมุมกว่า 110,000 ตัว ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ ทั้งที่โดยธรรมชาติพวกมันมักจะแยกอยู่และล่ากันเอง

ใยแมงมุมมหึมาในโลกมืด

ผลการสำรวจในปี 2022 โดยสมาคมสปีลิโอวิทยาเช็ก (Czech Speleological Society) พบใยแมงมุมขนาดยักษ์ที่คลุมผนังถ้ำไว้เหมือนม่านหนาทึบ ใยมีขนาดกว้างกว่า 100 ตารางเมตร หรือราว 1,000 ตารางฟุต ประกอบด้วยแมงมุมสองสายพันธุ์หลัก คือ Tegenaria domestica (แมงมุมบ้านทั่วไป) ประมาณ 69,000 ตัว และสายพันธุ์ Prinerigone vagans อีกกว่า 42,000 ตัว

โดยปกติแล้ว T. domestica เป็นแมงมุมที่อยู่โดดเดี่ยว สร้างใยทรงกรวยเพื่อดักเหยื่อของตัวเอง แต่ในถ้ำแห่งนี้ ใยหลายพันใยได้รวมตัวกันกลายเป็นโครงสร้างขนาดมหึมาหลายชั้นที่ทอดยาวทั่วถ้ำอย่างกลมกลืน นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าไม่พบพฤติกรรมกินกันเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกมากในหมู่แมงมุม

ระบบนิเวศที่ไม่ต้องพึ่งแสงแดด

สิ่งที่ทำให้ถ้ำแห่งนี้ไม่เหมือนที่ใดในโลก คือ ระบบนิเวศที่ดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยแสงอาทิตย์ แต่ใช้พลังงานจาก “เคมี” ล้วน ๆ หรือที่เรียกว่า ระบบนิเวศเคมีออโตโทรฟิก (Chemoautotrophic Ecosystem)

โดยถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S) ซึ่งเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่มีแบคทีเรียชนิดพิเศษที่สามารถเปลี่ยนก๊าซดังกล่าวให้กลายเป็นพลังงานได้ ทำให้เกิดห่วงโซ่อาหารแบบใหม่ใต้ดิน

  • แบคทีเรียที่อาศัยกำมะถันเติบโตเป็นฟิล์มสีขาวหนาบนหิน

  • ตัวอ่อนแมลงและไอโซพอดกินแบคทีเรียเหล่านั้น

  • แมลงขนาดใหญ่ เช่น ด้วงและตะขาบ ถูกแมงมุมล่าอีกต่อหนึ่ง

อาหารหลักของแมงมุม คือ ริ้นจิ๋ว (Tanytarsus albisutus) ที่อาศัยอยู่รอบบ่อน้ำในถ้ำ ตัวอ่อนของมันกินฟิล์มแบคทีเรีย และมีจำนวนมากถึง 45,000 ตัวต่อตารางเมตร นักวิจัยเรียกว่าเป็นบุฟเฟต์ไม่อั้นของแมงมุมทั้งอาณาจักร

ผลการตรวจสอบพบว่า แหล่งคาร์บอนและไนโตรเจนในร่างแมงมุมมีต้นกำเนิดจากแบคทีเรียในระบบกำมะถัน ไม่ใช่จากพืชที่สังเคราะห์แสงบนพื้นโลก

วิวัฒนาการแห่งการอยู่ร่วมกัน

การตรวจดีเอ็นเอ (DNA) ของแมงมุมในถ้ำกำมะถันเผยให้เห็นว่า พวกมันมีลำดับพันธุกรรมเฉพาะตัว ที่ไม่พบในประชากรบนพื้นดิน แสดงถึงการวิวัฒนาการอย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลานาน

นักวิจัยยังพบว่า แมงมุมในถ้ำวางไข่น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดียวกันบนผิวโลก สันนิษฐานว่าเพราะพวกมันไม่มีศัตรูและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอาหารเหลือเฟือ จึงไม่จำเป็นต้องขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว

ชีวิตที่ปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

งานวิจัยนี้ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2025 ในวารสาร Subterranean Biology ถือเป็นหลักฐานแรกที่แสดงให้เห็นว่าแมงมุมสามารถพัฒนาการอยู่ร่วมกันแบบอาณานิคม (Facultative coloniality) ได้หากสภาพแวดล้อมมีทรัพยากรเพียงพอ

นักวิทยาศาสตร์สรุปว่า การค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นพลังของการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต ที่สามารถอยู่รอดได้แม้ในโลกที่มืด มีกำมะถัน และแทบไม่มีออกซิเจน ซึ่งไม่ต่างจากบทเรียนสำคัญของธรรมชาติ เมื่อแย่งชิงทรัพยากรถูกขจัดออกไป สิ่งมีชีวิตก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง