สงขลาขยายเวลาปิดด่าน ทั้งทางบก-น้ำ-อากาศ ไปจนถึง 31 พ.ค.

วันที่ 29 เม.ย. นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผวจ.สงขลา/ผู้กำกับการบริหารราชการในสถาการณ์ฉุกเฉินจังหวัดสงขลา ได้ลงนามคำสั่งจังหวัดสงขลา เรื่อง การขยายเวลาปิดช่องทางเข้า-ออกในราชอาณาจักรของจังหวัดสงขลา

ตามที่จังหวัดสงขลาได้มีคำสั่งที่ 2236/2563 ลงวันที่ 22 เม.ย.62 เรื่องปิดช่องทางเข้า-ออกในราชอาณาจักรจังหวัดสงขลา เพื่อกำหนดมาตราการป้องกัน สกัดกั้นและยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดสงขลา โดยการกำหนดปิดช่องทางเข้า-ออกในราชอาณาจักรจังหวัดสงขลา และเปลี่ยนแปลงจุดผ่านแดนถาวรจังหวัดสงขลา สำหรับคนไทยเดินทางกลับสู่ราชอาณาจักร จากจุดผ่านแดนถาวรด่านสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นจุดผ่านแดนถาวรด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.63 จนถึงวันที่ 29 เม.ย.63 ไปแล้วนั้น

เนื่องจากนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ 28 เม.ย.63 ให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง จนถึงวันที่ 31 พ.ค.63 จึงมีความจำเป็นต้องขยายเวลาในการดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว จึงมีคำสั่งดังนี้

1.ปิดช่องทางเข้า-ออก ทางอากาศของสายการบินระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ 2.ปิดทางเข้า-ออก ทางน้ำของเรือรับส่งผู้โดยสาร และเรือนำเที่ยวระหว่างประเทศ ณ ท่าเรือน้ำลึกสงขลา ยกเว้น 2.1 เรือขนส่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานในแหล่งผลิตปิโตเลียมในอ่าวไทย 2.2 เรือบรรทุกสินค้าซึ่งขนส่งสินค้าตามความจำเป็นแต่เมื่อเสร็จภาระกิจให้กลับออกไปโดยเร็ว 2.3 เรือซึ่งมีผู้ควบคุมเรือ หรือคนประจำเรือซึ่งต้องเดินทางเข้ามาตามภาระกิจและมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชัดเจน

3.ปิดช่องทางเข้า-ออก ทางบก ณ จุดผ่านแดนถาวร ดังนี้ 3.1 จุดผ่านแดนถาวรด่านบ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา ตรงข้ามด่านบ้านดุเรียนบุรง อ.ปาดังเตอรับ รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย 3.2 จุดผ่านแดนถาวรด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ตรงข้ามด่านปาดังเบซาร์ รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ยกเว้นการขนส่งทางรางพร้อมด้วยคนประจำยานพาหนะขนส่งสินค้าซึ่งต้องผ่านการคัดกรองไวรัสโควิด-19

3.3 จุุดผ่านแดนถาวรด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ตรงข้ามด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดาร์ ประเทศมาเลเซีย ยกเว้นการเข้า-ออกเพื่อการขนส่งสินค้าพร้อมด้วยคนประจำยานพาหนะขนส่งสินค้า ซึ่งต้องผ่านการตรวจคัดกรองไวรัสโควิด-19

เว้นผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทางในข้อ 1, 2 และข้อ 3.2 เป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้นและได้ปฎิบัติตามข้อยกเว้นข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่1) ลงวันที่ 25 มี.ค.63 ข้อที่ 3 วรรค 1 (1) (2) (3) (4) (5) (6) และวรรค 2 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.63 จนถึงวันที่ 31 พ.ค.63