รีเซต

เชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ดิ่งเป็นประวัติการณ์ วิตกโควิดกระทบจ้างงาน หนี้เพิ่ม ยากจนขึ้น

เชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ดิ่งเป็นประวัติการณ์ วิตกโควิดกระทบจ้างงาน หนี้เพิ่ม ยากจนขึ้น
มติชน
4 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:06 )
45

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมกราคม 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 4 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม ต่ำสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 เนื่องจากความวิตกกังวลและผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศไทย ที่มีการระบาดเป็นวงกว้างและรวดเร็ว โดยมีจุดเริ่มต้นในจังหวัดสมุทรสาครกลางเดือนธันวาคม 2563 ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการว่างงานในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่

 

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 41.6 45.1 และ 56.8 ตามลำดับ ลดลงทุกรายการเทียบกับเดือนธันวาคม 2563 ที่อยู่ที่ 43.5 47.5 และ 59.2 ตามลำดับ ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ คือ ระดับ 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคตอย่างมาก เพราะมีความกังวลในวิกฤตโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศไทยและทั่วโลก ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสปรับตัวแย่ลงได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคลดลงในที่สุด

 

จึงมีผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) ลดลงจากระดับ 50.1 เป็น 47.8 และต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงย่ำแย่จากวิกฤตโควิด-19 ในประเทศไทยและทั่วโลก จะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้ ดูจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน ลดลงจาก 34.5 มาอยู่ที่ 32.4 แสดงว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแย่มากในมุมมองของผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต ลดลงเช่นเดียวกัน จากระดับ 57.4 มาอยู่ที่ 55.1 ต่ำกว่า 100 สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยในอนาคต

 

“ดัชนีความเชื่อมั่นเกือบทุกรายการต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะความวิตกต่อการจ้างงาน และค่าครองชีพในอนาคต ทางศูนย์ฯคาดว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการใช้จ่ายอย่างมาก ตลอดจนไตรมาส 1/2564 และต้นไตรมาสที่ 2 จนกว่าสถานการณ์โควิดในประเทศไทย จะคลายตัวลง ซึ่งต้องติดตามผลสัมฤทธิ์ของการควบคุมโควิด-19 ในไทยว่าจะคลี่คลายลงได้เร็วแค่ไหน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาเยียวยาผลกระทบของโควิด-19 ในรอบใหม่ของรัฐบาลช่วงไตรมาส 1-2 จาก โครงการเราชนะ คนละครึ่ง และเรารักกัน ว่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยเพียงใด และสถานการณ์ทางการเมืองของไทยจะดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไรหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งปัจจัยทั้งสามจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเป็นอย่างมาก” นายธนวรรธน์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง