เซ่นโควิดต่อเนื่อง ดัชนีเชื่อมั่นฯ ม.ค. วูบต่ำสุดในรอบ 25 เดือน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือนธันวาคม 2563 ว่า จากการสำรวจประธานหอการค้า และสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25-29 มกราคม 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ลดลง มาอยู่ที่ 29.8 ปรับตัวต่ำสุดในรอบ 25 เดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 และลดลงจากเดือนธันวาคม 2563 อยู่ที่ 31.8 เนื่องจากตัวชี้วัดทุกด้าน อาทิ ภาคบริการ ภาคการเกษตร และและการจ้งงาน มีการปรับตัวลดลงทุกภูมิภาค ส่วนดัชนีฯ ในปัจจุบัน ลดลงมาอยู่ที่ 21.7 จากเดือนธันวาคม อยู่ที่ 23.7 และดัชนีฯ ในอนาคต ลดลงมาอยู่ที่ 37.9 จากเดือนธันวาคม 2563 อยู่ที่ 39.7 ส่วนความเชื่อมั่นอีก 6 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะโตไม่ถึง 50 หรืออยู่ในระดับที่มีความเชื่อมั่นต่ำ เนื่องจากภาคธุรกิจยังไม่มีความเชื่อมั่นจากสถานการณ์ในปัจจุบัน
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยลบที่สำคัญ อาทิ การล็อกดาวน์ในพื้นที่เสี่ยงสูงทำให้ธุรกิจมีการหยุดชะงัก นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องจากการล็อกดาวน์, ความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่มีการระบาดเป็นวงกว้างและรวดเร็ว และมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดจากการประมาณเศรษฐกิจไทยในปี 2564 โดยคาดว่าจะขยายตัว 2.8% เนื่องจากเศรษฐกิจมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เป็นต้น
ขณะที่ ปัจจัยบวกสำคัญ อาทิ มาตรการของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงปลายปี-ต้นปีหน้า ในโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน เราชนะ และเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้ปรับตัวดีขึ้น และการส่งออกของไทยเดือนธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้น 4.71% มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 20,082 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.62% มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 19,119 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลประมาณ 963 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น
สำหรับ ข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การเร่งควบคุมสถานการณ์โควิด-19 เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศไทย, เร่งออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วยเหลือประชาชน, บรรเทาความเดือดร้อนของธุรกิจ พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่องโดยเน้นและให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแบบปลอดเชื้อ, มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในเรื่องของค่าจ้างแรงงานที่ต้องหยุดกิจการ และออกมาตรการ และหาแนวทางเพื่อจูงใจการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ