PTTGC โบรกคาดรายการพิเศษจะทำให้กำไรไตรมาส 2/2567 พลิกเป็นบวก

#PTTGC #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทยวิเคราะห์หุ้น PTTGC ระบุว่า รายการพิเศษจะทำให้กำไรไตรมาส 2/67 พลิกเป็นบวก
Highlights
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" จาก TSR ที่ 12% แต่ลด TP เชิงกลยุทธ์เป็น 31.00 บาท จากประเด็นการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ยังค้างคาต่อไปในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 จะอยู่ที่ 2.4 พันลบ. เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากรายการพิเศษหลายรายการ แต่กำไรปกติจะพลิกเป็นผลขาดทุน
แนวโน้มไตรมาส 3/67 ขึ้นอยู่กับขนาดของการด้อยค่าสินทรัพย์ ขณะที่กำไรปกติจะปรับดีขึ้นตามค่าระวางเรือที่ลดลง ค่าการกลั่นที่ทยอยปรับดีขึ้น และอุปทานอีเทนที่เพิ่มขึ้น
Investment Highlights
รายการพิเศษจะทำให้กำไรไตรมาส 2/2567 พลิกเป็นบวก เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/2567 ของ PTTGC จะอยู่ที่ 2.4 พันลบ. พลิกจากผลขาดทุนสุทธิจำนวน 606 ลบ. ในไตรมาส 1/2567 และ 5.6 พันลบ. ในไตรมาส 2/2566 กำไรที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งเชิง QoQและ YoY สาเหตุหลักมาจากรายการพิเศษ ได้แก่ 1) กำไรจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันจำนวน 1.0 พันลบ. 2) กำไรจากสต๊อกน้ำมันน้ำมันจำนวน 220 ลบ. 3) กำไรจากการซื้อหุ้นกู้คืนก่อนกำหนดที่ 2.8 พันลบ. และ 3) กำไรจากการขายหุ้น PTT Digital Solution จำนวน 50 ล้านบาท ทั้งนี้ หากอิงจากประมาณการดังกล่าว กำไรในครึ่งแรกของปี 2567 น่าจะอยู่ที่ 1.8 พันลบ. พลิกจากผลขาดทุนสุทธิจำนวน 5.5 พันลบ. ในครึ่งแรกของปี 2566
...แต่กำไรปกติยังอ่อนแอ หากไม่รวมรายการพิเศษดังที่กล่าวข้างต้น บล.กสิกรไทยคาดว่ากำไรปกติจะพลิกไปเป็นผลขาดทุนปกติที่ 1.7 พันลบ. ลดลงจากกำไรปกติที่ 559 ลบ. ในใตรมาส 1/2567 เนื่องจากค่าการกลั่นลดลงเป็นหลัก แม้ว่าธุรกิจกิจปิโตรเคมีจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยก็ตาม เราคาดว่า market GRM ของ PTTGC จะลดลงอย่างมากจาก 8.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เป็น 3.6 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล ตามส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงอย่างมาก ในขณะที่ธุรกิจโอเลฟินส์ของบริษัทฯ คาดจะดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากปริมาณอีเทนที่เพิ่มมากขึ้น และส่วนต่างราคาโอเลฟินส์ที่ดีขึ้นเล็กน้อย
คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2567 จะปรับดีขึ้น QoQ หากมองไปยังไตรมาส 3/2567 เราคาดว่ากำไรปกติของ PTTGC จะพลิกกลับมาเป็นบวกจากค่าการประหยัดต้นทุนขนส่งน้ำมันดิบ หลัง SPM ซึ่งเป็นทุ่นรับน้ำมันดำมันดิบกลางทะเลสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ อีกทั้ง ค่าการกลั่นน่าจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอุปทานอีเทนราคาถูกที่เพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรสุทธิจะพลิกเป็นผลขาดทุนจำนวนมากจากการรับรู้การด้อยค่าสินทรัพย์ของ PTTAC และการลงทุนอื่นๆ ในต่างประเทศ ดังนั้นปัจจัยเสี่ยงต่อประมาณการกำไรปี 2567 ของเราจึงขึ้นอยู่กับขนาดของการด้อยค่าสินทรัพย์ที่จะรับรู้ในครึ่งหลังของปีนี้
วัฏจักรโอเลฟินส์ล่าช้าออกไป 1-2 ปี บล.กสิกรไทยคาดว่าจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมโอเลฟินส์จะล่าช้าออกไปอีก 1-2 ปี เนื่องจากกำลังการผลิต PE ส่วนเกินจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2567-68 ตามแนวโน้มของประเทศเศรษฐกิจหลักๆ ที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะจีน ขณะเดียวกัน จุดต่ำสุดของ PP น่าจะมาถึงในอีก 1 ปีหลังจากนั้น หรือในปี 2569 ดังนั้นส่วนต่างราคา PE และ PP น่าจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำประมาณ 300-400 ดอลลาร์ฯฯ/ตัน ตลอดปี 2567-68 แต่เรายังคงมุมมองของเราที่ว่าส่วนต่างราคาผลิดภัณฑ์อะโรเมติกส์พื้นฐานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2566 และน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
Valuation and Recommendation
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ลดราคาเป้าหมายลดลงเป็น 31.00 บาท เราลดเป้า PBV เชิงกลยุทธ์จาก -1.5SD เป็น -1.75SD จากประเด็นการด้อยค่าสินทรัพย์ที่จะยังคงเป็นปัญหาค้างคาอยู่ต่อไปในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ดังนั้นราคาเป้าหมายกลางปี 2568 ของเราจึงถูกปรับลงจาก 34.00 บาท เป็น 31.00 บาท อิงด้วย PBV ที่ 0.48 เท่า แต่ด้วยผลตอบแทนรวมของผู้ถือหุ้น (TSR) ที่ยังอยู่ที่ระดับ 12% เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" PTTGC ไว้ตามเดิม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
