“ปากีสถาน” น้ำท่วมหนัก เสียชีวิตแล้วกว่า 300 ราย ยังสูญหายกว่า 200 ราย

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ส.ค.) ฝนที่ยังคงตกหนักในภาคเหนือของปากีสถาน ส่งผลให้การค้นหาและกู้ภัยต้องหยุดชะงัก หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันที่คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วเกือบ 350 คน และยังมีผู้สูญหายราว 200 คน

ฝนตกต่อเนื่องทั่วประเทศตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น และดินถล่มกวาดหมู่บ้านหลายแห่ง ชาวบ้านจำนวนมากติดอยู่ใต้ซากดินโคลนและสิ่งปลูกสร้าง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่กว่า 320 คน อยู่ในจังหวัด ไคเบอร์ ปัคตุนควา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยเฉพาะเขต บูเนอร์ ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีหมู่บ้านถึง 12 แห่ง ถูกทำลายจนเหลือเพียงซาก และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 219 คน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายร้อยคน พร้อมด้วยอาสาสมัคร ยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตและเก็บกู้ศพ แต่ภารกิจถูกขัดขวางจากฝนระลอกใหม่ที่ถล่มลงมาในช่วงเช้าวันจันทร์ ทำให้สำนักงานป้องกันภัยพิบัติระดับจังหวัดออกคำเตือนว่า อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันซ้ำอีกครั้งจนถึงวันพฤหัสบดีนี้

อาสาสมัครในพื้นที่ระบุว่า ยังมีศพผู้เสียชีวิตอีกหลายสิบคนถูกฝังอยู่ใต้ดินโคลนและหิน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรหนักในการขุดค้นต่อไป ขณะที่ผู้สูญหายจำนวนมากยังคงอยู่ในจังหวัดไคเบอร์ ปัคตุนควา

ทำไมปากีสถานเจอน้ำท่วมรุนแรงบ่อยครั้ง?

ภูมิประเทศ: ปากีสถานมีเทือกเขาสูงและพื้นที่ลาดชันในภาคเหนือ เมื่อฝนตกหนัก น้ำจึงไหลบ่าลงมารวดเร็ว ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มได้ง่าย

มรสุมเอเชียใต้: ช่วงเดือนมิถุนายน–กันยายน คือฤดูมรสุมที่ปากีสถานต้องรับฝนปริมาณมหาศาล และปีนี้ฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ยหลายเท่า

ภาวะโลกร้อน: อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้บรรยากาศกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น ส่งผลให้พายุฝนมีความรุนแรงกว่าเดิม และเร่งการละลายของธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยที่เป็นต้นน้ำสำคัญของปากีสถาน

โครงสร้างพื้นฐาน: พื้นที่ชนบทและเมืองเล็ก ๆ ขาดระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ เมื่อเจอฝนหนักติดต่อกันหลายวัน ความเสียหายจึงทวีความรุนแรง