เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าแตะระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 30.04 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในฝั่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ตลาดคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ในระยะสั้นนี้ ขณะเดียวกัน แนวโน้มสถานการณ์ การระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯ ก็ดีขึ้น โดยยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง สวนทางกับอัตราการแจกจ่ายวัคซีนที่เร่งตัวขึ้น
ภาพดังกล่าวส่งผลให้ ตลาดกลับมาเชื่อมั่นต่อ Reflation trades อีกครั้ง หนุนให้ ตลาดหุ้นทั่วโลกล้วนปรับตัวขึ้น โดยหุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ ได้รับอานิสงส์มากสุดจากความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจ สะท้อนผ่าน การพุ่งขึ้นราว 2.5% ของดัชนี Russell 2000 ในขณะที่ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นเพียง 0.74% ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ปิดบวก 0.27% ดัชนี FTSE MIB ของอิตาลี พุ่งขึ้นราว 1.5% จากความหวังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของอิตาลี โดยอดีตประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB)
อย่างไรก็ดี ผู้เล่นบางส่วนก็ยังไม่วางใจต่อภาพการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ยังคงมีแรงซื้อเข้ามาในฝั่งสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างพันธบัตรรัฐบาล กดดันให้ บอนด์ยีลด์10ปี สหรัฐฯ ทรงตัวที่ระดับ 1.17%-1.18% ส่วนเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงราว 0.3% สู่ระดับ 90.95จุด
นอกจากนี้ ความหวังต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ได้ช่วยหนุนให้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น โดย ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้นแตะระดับกว่า 60อลลาร์ต่อบาร์เรล ในรอบกว่า 1 ส่วนในฝั่งทองคำ ราคาก็ปรับตัวขึ้นราว 1% สู่ระดับ 1,832 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ที่น่าสนใจก็คือ สินทรัพย์ทางเลือก สกุลเงินดิจิตอล อย่าง บิทคอยน์ ก็พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงถึง 17% แตะระดับ 45,571 ดอลลาร์ สะท้อนถึงภาวะการเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาดอย่างชัดเจนในช่วงนี้
สำหรับวันนี้มองว่าตลาดจะยังคงติดตามความคืบหน้าการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับ การติดตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 และการแจกจ่ายวัคซีน
โดยในระยะสั้นต้องระวังแรงเทขายทำกำไรและการปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเผชิญแรงคัดค้านที่มากขึ้นในวุฒิสภา จนอาจจะทำให้เกิดความล่าช้า รวมถึงขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจไม่ได้มากอย่างที่คาดหวังไว้ หรือ สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 มีทิศทางที่แย่ลง (ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่วัคซีนยังแจกจ่ายได้ช้าอยู่)
สำหรับแนวโน้มเงินบาทก็มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบใกล้ระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือบวก-ลบ 15 สตางค์ จนกว่าจะมีปัจจัยที่ทำให้ทิศทางของเงินดอลลาร์หรือฟันด์โฟลว์ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะฝั่งผู้ส่งออกเองก็ไม่รีบขายเงินดอลลาร์และสามารถรอได้ จนกว่าเงินบาทจะอ่อนค่าใกล้ระดับ 30.10-30.15บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ฝั่งผู้นำเข้า ก็ไม่รีบเข้าซื้อเงินดอลลาร์เช่นกัน เนื่องจากยังเชื่อว่า เทรนด์เงินบาทยังคงแข็งค่าอยู่ จึงเลือกที่จะรอจนกว่า เงินบาทจะแข็งค่าหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 29.95-30.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE