รีเซต

GFPTรักษามาร์จิ้น15% ส่งออกอังกฤษ-ญี่ปุ่นพุ่ง

GFPTรักษามาร์จิ้น15% ส่งออกอังกฤษ-ญี่ปุ่นพุ่ง
ทันหุ้น
16 มีนาคม 2566 ( 13:34 )
77
GFPTรักษามาร์จิ้น15% ส่งออกอังกฤษ-ญี่ปุ่นพุ่ง

#GFPT #ทันหุ้น – GFPT ตั้งเป้ายอดขายโต 2-3% จากฐานสูง ณ สิ้นปี 2565รักษาศักยภาพการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยไว้ที่ราว 14-15%รับต้นทุนวัตถุดิบอาหารเร่งตัวสูงผิดปกติ ราคาพลังงาน-ค่าเงินผันผวนกดดัน กำงบลงทุน 1-1.2 พันล้านบาท เดินหน้าขยายโรงเชือดไก่ โรงงานไก่แปรรูปปรุงสุก เพื่อขยายฐานการตลาดรองรับการเติบโตในอนาคต

 

นายวีระ ธิตยางกรุวงศ์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งปี 2566 เติบโตราว 2-3% จากปี 2565ที่ทำได้ 18,222.31ล้านบาท หนุนจากยอดขาย-ยอดส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น, และอังกฤษที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันภาพรวมธุรกิจอาหารสัตว์มีแนวฟื้นตัวโดยเฉพาะอาหารสัตว์บก คืออาหารสุกร และอาหารเลี้ยงกุ้ง หลังแนวโน้มโรคระบาดในสัตว์เริ่มลดความรุนแรงลง

 

พร้อมกันนี้จะรักษาศักยภาพการทำอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เฉลี่ยไว้ที่ราว 14-15% YoY หนุนจากราคาขายไก่แปรรูปปรุงสุกไปยังประเทศญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปี 2565 ที่ผ่านมา รวมถึงค่าระวางเรือที่ยังคงทรงตัวในโซนอ่อนตัว

 

“ปีที่ผ่านมาค่าเงินเยนค่อนข้างผันผวน ส่งผลให้บริษัทปรับลดราคาให้กับลูกค้าประจำ แต่ภาพรวมปีนี้ค่าเงินเยนมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งญี่ปุ่นเปิดประเทศมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว ทำให้มีเม็ดเงินใหม่เข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร และบริการ ขณะที่ประเทศอังกฤษซึ่งออกจากสหภาพยุโรป จึงไม่ต้องติดโควตา ดังนั้นความต้องการไก่แปรรูปปรุงสุกในอังกฤษจึงยังเติบโตได้อีกมาก”

 

*จับตาราคาไก่-ต้นทุน

เบื้องต้นบริษัทประมาณการราคาไก่เฉลี่ยทั้งปี 2566 ที่ราว 36-37 บาทต่อกิโลกรัม อ่อนตัวลงจากราคาเฉลี่ยทั้งปี 2565 ที่ราว 42-43 บาทต่อกิโลกรัม และราคาลูกไก่เฉลี่ยทั้งปี 2566ที่ประมาณ 11.12 บาทต่อตัว อ่อนตัวจากปี 2565 ที่ประมาณ 17.14 บาทต่อตัว

พร้อมกันนี้บริษัทยังคงต้องติดตามราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งเร่งตัวสูงอย่างใกล้ชิด ทั้งถั่วเหลือง, กากถั่วเหลือง, ข้าวสาลี, และปลาป่น รวมถึงราคาพลังงาน และค่าเงินที่มีแนวโน้มผันผวนมากกว่าปี 2565 ที่ผ่านมา เพื่อประกอบการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

“ภาพรวมปีนี้ มีหลายภาวะกดดันทั้งค่าเงินที่ค่อนข้างผันผวน, ราคาอาหารเลี้ยงสัตว์ที่เร่งตัวสูงผิดปกติโดยเฉพาะราคาถัวเหลือง-กากถั่วเหลืองที่เร่งตัวสูงทะลุขึ้นมาแตะ 21.70 บาทต่อตัน และข้าวโพดเร่งตัวขึ้นมาแตะ 13.40 บาทต่อตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะกดดันศักยภาพการทำกำไรขั้นต้นอย่างมีนัยสำคัญ”

 

*ขยายโรงงานอัพฐาน

ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงเชือดไก่แห่งใหม่กำลังการเชือดไก่อยู่ที่ 1.5 แสนตัวต่อวัน คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 4/2566 และจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตได้ 100% ราวช่วงกลางปี 2567 พร้อมกันนี้บริษัทมีแผนเตรียมก่อสร้างโรงงานแปรรูป-ปรุงสุกไก่ ขนาด 5 ไลน์การผลิตรวมกำลังการผลิตราว 3 หมื่นตันต่อปี เพื่อขยายฐานการตลาดปัจจุบัน และรุกเข้าสู่กลุ่มประเทศใหม่อาทิ ซาอุดีอาระเบีย และหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง

 

“งบการลงทุนของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ปีละราว 1 – 1.2 พันล้านบาท โดยปัจจุบันโรงเชื่อดไก่ดำเนินงานได้ราว 70-80%ซึ่งหากแล้วเสร็จก็จะเริ่มทดลองดำเนินงานเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ในช่วงราวไตรมาส 4/2566 ซึ่งกำลังการผลิตเบื้องต้นน่าจะประมาณ 40 – 50%ก่อนจะเร่งตัวได้ 100% ราวกลางปี 2567ซึ่งเมื่อเทสรันโรงเชือดไก่ บริษัทก็จะเริ่มก่อสร้างโรงงานแปรรูปปรุงสุกต่อเนื่อง ก็คาดว่าระยะเวลาการดำเนินงานราว 2 ปี”

 

*แนะซื้อเป้า 17 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ พาย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2566 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากโลว์ซีซัน ประกอบกับราคาก่อนที่อ่อนตัวลงทั้งราคาไก่เป็น และโครงไก่ สวนทางกับต้นทุนที่มีแนวโน้มยืนสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น และจีน เบื้องต้นคาดการณ์รายได้รวมที่ 17,857 ล้านบาทลดลง 2% YoY กำไรสุทธิที่ 1,781 ล้านบาท ลดลง 13% YoY พร้อมคาดการณ์อัตราการจ่ายเงินปันผลทั้งปี 2566 ที่ราว 2.6% จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 17 บาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง