GFPTทุ่ม1.2พันล.อัพผลิต ชูครึ่งปีหลังดี-ออเดอร์จ่อ

นายวีระ ธิตยางกรุวงศ์ ผู้จัดการสายแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี2564 น่าจะออกมาใกล้เคียงปี2563 ที่มีรายได้ราว 1.53 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจมีแนวโน้มได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ออกมาอยู่ในระดับไม่แตกต่างกัน เพราะปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงไลน์ผลิตเครื่องจักรเดิมบางส่วนและอยู่ระหว่างการพัฒนาไลน์ผลิตใหม่เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องได้ในช่วงครึ่งหลังปี2564 เป็นต้นไป ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ความสามารถในการผลิตของบริษัทปรับตัวลดลงและไม่สามารถรองรับออเดอร์ได้มากนัก

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของGFPT แบ่งเป็น การผลิตและจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศประมาณ86%, ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศอีกราว14% รวมทั้งธุรกิจยังมีแนวทางเข้าทำตลาดลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมรายรับในอนาคต

อย่างไรก็ดีแนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี 2564 บริษัทประเมินว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งแรกปีเดียวกัน เพราะธุรกิจมีกำลังผลิตเพิ่มสูงขึ้น หลังบริษัทสามารถดำเนินการปรับปรุงไลน์ผลิตเดิมแล้วเสร็จ ประกอบกับมีกำลังผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มเติมด้วย ขณะที่ไตรมาส 1/2564 ยอมรับน่าจะต่ำกว่างวดเดียวกันปีก่อน เพราะผลกระทบเชิงลบจากต้นทุนวัตถุดิบหลักที่ปรับขึ้น ทั้งราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพด โดยราคากากถั่วเหลืองปรับขึ้นมาอยู่ที่18-19 บาทต่อกิโลกรัม จากปีก่อนที่14 บาทต่อกิโลกรัม

จัดงบอัพผลิต

บริษัทมีแผนเงินลงทุนราว1-1.2 พันล้านบาท สำหรับใช้การลงทุนในธุรกิจส่วนต่างๆ แบ่งเป็น การขยายกำลังการผลิตโรงเชือดไก่ ขนาดกำลังผลิต 1.5 แสนตัวต่อวัน (คาดเปิดดำเนินการได้ในช่วงครึ่งแรกปี 2564) ประกอบกับปรับปรุงเครื่องจักร (รีโนเวทย์) ในส่วนต่างๆ เพิ่มเติม หวังเสริมศักยภาพการดำเนินงานในอนาคตให้มีประสิทธิ์ดียิ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง

ส่วนโรงงานงานไก่แปรรูปปรุงสุกที่เกิดเหตุไฟไหม้ในช่วงปี2562 ที่ผ่านมาและมีผลกระทบให้ต้องปิดซ่อมไลน์ผลิตจำนวน 2 ไลน์นั้นจะเรื่มดำเนินงานได้เต็มกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส1/2564 และปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างปรับปรุงและกำลังผลิตใหม่รวมอีก 3 ไลน์การผลิต ซึ่งทั้ง 5 ไลน์การผลิตจะกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติในช่วงไตรมาส3/2564 เป็นต้นไป ซึ่งหากเดินกำลังการผลิตรวมครบทั้ง 5 ไลน์ จะทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น2,500-3,000 ตันต่อเดือน

ส่วนทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องจนล่าสุดมาอยู่ที่ราว31.43 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ 1 เมษายน2564) บริษัทมองน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ และทำให้รายได้จากต่างประเทศขยายตัวเพิ่มเติม

พื้นฐาน14.50บ.

บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด(มหาชน) ระบุถึงGFPT ว่าถึงแม้วอลุ่มส่งออกไก่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งปีแรก2564 เนื่องจากตลาดญี่ปุ่นและยุโรป ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 กำลังซื้อและอุปสงค์ที่หดตัวลง ค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด รวมถึงภาวการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ แต่คาดว่าวอลุ่มส่งออกไก่จะทยอยฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี2564 และจะฟื้นตัวแรงในปี2565 หนุนโดยการกลับมาเปิดเมืองและเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบและกระจายวัคซีนในหลายประเทศ ขณะที่วอลุ่มส่งออกไก่ไทยไปยังประเทศญี่ปุ่นและยุโรปจะทยอยฟื้นขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปี2565 แนะนำ”ซื้อเก็งกำไร” ราคาพื้นฐาน 14.50บาทต่อหุ้น