เกาหลีใต้เดือด สินค้า "Made in Korea" ถูกสวมรอย ทะลักเข้าสหรัฐ หวังเลี่ยงกำแพงภาษี

สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้ (KCS) เปิดเผยในวันนี้ (21 เมษายน 2568) ว่า ตรวจพบความพยายามที่เพิ่มสูงขึ้นของสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ในการสวมรอยให้กลายเป็นสินค้าที่ผลิตในเกาหลี (Made in Korea) เพื่อหลบเลี่ยงกำแพงภาษีระลอกใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้ระบุว่า จากการตรวจสอบเป็นพิเศษเมื่อเดือนที่ผ่านมา พบการกระทำผิดเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้าคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2.95 หมื่นล้านวอน (20.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยสินค้าที่ส่งไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนถึง 97% ของมูลค่าความผิดทั้งหมด
ตัวเลขดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับมูลค่าการกระทำผิดตลอดทั้งปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 3.48 หมื่นล้านวอน และในจำนวนนี้ สินค้าที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 62%
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2568 ได้ประกาศใช้มาตรการทางภาษีที่รุนแรงกับสินค้าและประเทศต่าง ๆ จำนวนมาก รวมถึงจีน ซึ่งเริ่มเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงขึ้นตั้งแต่เดือนก.พ.เป็นต้นมา
อี กวางอู ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนการสืบสวนของสำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้ กล่าวว่า เคยเห็นความพยายามลักลอบส่งออกแบบนี้เพิ่มขึ้นในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก และคาดว่าแนวโน้มลักษณะเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นอีก
ด้วยการประเมินความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ทางการจึงได้ดำเนินการสืบสวนเชิงรุกครั้งล่าสุด เพื่อสกัดกั้นการส่งออกที่ผิดกฎหมายตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งอี กวางอู ยืนยันระหว่างการแถลงข่าวว่า พบสัญญาณบ่งชี้ถึงความพยายามหลบเลี่ยงภาษีตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกแล้ว ซึ่งในวันนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรเกาหลีใต้ยังได้มีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯ เพื่อหารือแนวทางการสืบสวนร่วมกันในประเด็นนี้
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้แสดงความกังวลว่า อาจมีความพยายามมากขึ้นจากบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน ที่จะใช้เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ และมีข้อตกลงการค้าเสรี เป็นช่องทางหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีและกฎระเบียบที่เข้มงวด
ก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษี 25% กับสินค้านำเข้าจากเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการชุดใหญ่ แต่ต่อมาได้ระงับการบังคับใช้เป็นเวลา 90 วัน ในทางตรงกันข้าม ปัจจุบัน สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีจากจีนสูงถึง 145% หลังจากการใช้มาตรการตอบโต้กันไปมา ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
ในบรรดาการกระทำผิดที่ตรวจพบนั้น รวมถึงกรณีวัสดุแคโทดสำหรับแบตเตอรี่มูลค่า 3.3 พันล้านวอนที่นำเข้าจากจีน แต่กลับสำแดงเท็จว่าเป็นสินค้าเกาหลีใต้เพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ หวังเลี่ยงภาษีที่สูงอยู่แล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ก่อนที่มาตรการใหม่ของทรัมป์จะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม 2568 ยังพบการนำเข้าชิ้นส่วนกล้องวงจรปิดมูลค่า 1.93 หมื่นล้านวอนจากจีน เพื่อนำมาประกอบในเกาหลีใต้ เลี่ยงข้อจำกัดของสหรัฐฯ ที่มีต่ออุปกรณ์สื่อสารของจีน ทั้งนี้สินค้าที่ถูกจับได้บางส่วนถูกส่งออกไปแล้ว ขณะที่บางส่วนยังคงถูกกักอยู่ที่ท่าเรือ
ขณะนี้ สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้ได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจพิเศษขึ้น เพื่อทุ่มกำลังป้องกันความพยายามลักลอบส่งออกสินค้าในลักษณะนี้ และกำลังวางแผนออกมาตรการตอบโต้ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ ส่วนกรณีการละเมิดที่ตรวจพบทั้งหมดจะถูกส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป