ส่อง"วินเนอร์ยี่ เมดิคอล" ฟินันเซียไซรัส เคาะเป้า 4.50 บาท, โนมูระ พัฒนสิน ให้ 3.90 บาท
ทันหุ้น-โบรกเกอร์ 2 รายได้ประเมินราคาพื้นฐานของหุ้นน้องใหม่ หุ้นบริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน)หรือ WINMED ที่มีแผนจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 4.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่บล.โนมูระ พัฒนสินให้ราคาพื้นฐานที่ 3.90 บาทต่อหุ้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า WINMED เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องและชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายจากผู้ผลิตชั้นนำในต่างประเทศ ทั้งสหรัฐ เยอรมนี สเปน เกาหลีใต้เป็นต้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากสัญญาตัวแทนจำหน่าย มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เป็นต้น
โดยผลิตภัณฑ์ที่บริษัทนำเข้าเป็นสิ่งจำเป็นและอยู่ใกล้ตัวทุกคน เช่น ผลิตภัณฑ์ตรวจหามะเร็งปากมดลูก ผลิตภัณฑ์ตรวจภาวะดาวน์ซินโดรม ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับธนาคารโลหิต
ฝ่ายวิจัยฟินันเซีย ไซรัส คาด WINMEDจะมีกำไรช่วงปี 2564-2566 เติบโตเฉลี่ย 67.9% ตาม Mega Trend และสินค้านวัตกรรมใหม่ที่นำเข้ามาจำหน่ายโดยเฉพาะเครื่องคัดแยก Stem Cell เพื่อใช้ในการรักษาโรคมะเร็งซึ่งเป็นโรคคร่าชีวิตเป็นอันดับหนึ่งของประชากรไทย
โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 4.50 บาท โดยอิงพี/อี 27 เท่า มี Premium จากบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันในไทย แต่ Discount ผู้ประกอบการต่างประเทศ
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ให้ราคาพื้นฐานปี 2564 หุ้น WINMED ที่ 3.90 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธีพี/อี 24.5 เท่า มองว่าบริษัทมีความน่าสนใจจากการเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านธนาคารโลหิต ชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เครื่องคัดแยกสเต็มเซลส์ ซึ่งเป็นสินค้านวัตกรรมขั้นสูงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นหรือ GPM เฉลี่ย 47-48% สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
โดยระบุว่า WINMED เป็นตัวแทนประเภท exclusive ในสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ธนาคารโลหิต และผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยของโลหิตโดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยของโลหิตมีแนวโน้มเติบโตสูง, รายได้หลัก 60% มาจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับโลหิต ซึ่งเป็นรายได้ต่อเนื่องและบริษัทได้ประโยชน์จากภาครัฐ สนับสนุนการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA test ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
ฝ่ายวิจัย คาดในปี 2564 จะมีกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท ส่วนในปี 2565-2566 คาดจะมีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท และ 86 ล้านบาท ตามลำดับ เติบ
โตเฉลี่ย 19% ต่อปี โดยมีปัจจัยบวก จากรายได้รวมโตต่อปี 13% จากความต้องการเพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยของโลหิต และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสตรีเติบโตตามนโยบายของภาครัฐ นอกจากนี้คาดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเซลส์บำบัดเติบโตสูง หลังห้องปฏิบัติการเริ่มเปิดใช้ช่วงต้นปี 2565
และคาดว่า GPM เฉลี่ย 47.0% สูงขึ้นจาก 46.8% ในปี 2563 จากการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และคาด SG&A to sales ลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 32.0% ในปี 2566เทียบกับปี 2563 อยู่ที่ 33.7% จากความประหยัดต่อขนาดที่มากขึ้นจากรายได้เติบโต