ยอมกันไม่ได้? เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ แข่งกันสะสมขีปนาวุธ
วันนี้( 30 มี.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่กี่ปีมานี้เกาหลีเหนือขึ้นมาผงาดในการแข่งขันสะสมอาวุธ และเพิ่มจำนวนขีปนาวุธพิสัยใกล้บนคาบสมุทรเกาหลี ส่งผลให้เกาหลีเหนือมีขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีมากขึ้น เกาหลีเหนือเสาะหาการพัฒนาขีปนาวุธที่มีขีดความสามารถในการหลบหลีกการตรวจจับจากเรดาร์ของฝ่ายตรงข้าม และโจมตีเป้าหมายต่างๆในเกาหลีใต้ได้อย่างแม่นยำมาเป็นเวลานานหลายปี
ขณะเดียวกันเมื่อปี 2017 สหรัฐอเมริกาในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ กับเกาหลีใต้ เห็นด้วยต่อการยกเลิกข้อจำกัดการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีใต้ เพื่อเปิดทางให้เกาหลีใต้ พัฒนาอาวุธหนัก ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในยุทธศาสตร์ชิงโจมตีเกาหลีเหนือ การพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีใต้ จำกัดพิสัยอยู่ที่ 800 กิโลเมตร และน้ำหนักบรรทุกที่ 500 กิโลกรัม ภายใต้สนธิสัญญาทวิภาคี ที่ได้รับการแก้ไขในปี 2012
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธ เพื่อข่มขวัญเกาหลีใต้ในด้านอาวุธและเป็นการทดลองครั้งแรกนับตั้งแต่ คิม จอง อึน ประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่า เกาหลีเหนือ สามารถย่อหัวรบนิวเคลียร์ให้เล็กลงพอเหมาะพอดีกับอาวุธทางยุทธวิธีได้แล้ว ถือเป็นการเดิมพันสูงสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังมองหาทางเลือกต่างๆ เพื่อลดสถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี
ส่วนเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้มองว่า ขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยใกล้ เป็นอาวุธสำคัญ ที่จะลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ซึ่งมีทหารอเมริกันประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ ประมาณ 28,500 นาย เมื่อปีที่แล้ว จอง คยอง-ดู ( Jeong Kyeong-doo ) รมว.กลาโหมเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เกาหลีใต้พัฒนาขีปนาวุธที่มีพิสัยทำการในระดับที่เพียงพอ และการครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อปกป้องสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
นักวิเคราะห์หลายคน มองว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นเหตุการณ์บังเอิญ เพราะเกาหลีเหนือ บอกว่า มีขีปนาวุธพิสัยใกล้ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ ขนาดน้ำหนัก 2.5 ตัน แม้แต่คิม โย จอง น้องสาวคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นนักการเมืองทรงอิทธิพลออกมาอ้างว่า เกาหลีเหนือมีสิทธิ์ในการพัฒนาขีปนาวุธ
โจชัว โพลล็อก นักวิจัยแห่งสถาบัน James Martin Center for Nonproliferation Studies ( CNS ) บอกว่า ขณะที่เกาหลีใต้พัฒนาขีปนาวุธที่มีขีดความสามารถสูง เกาหลีเหนือได้ตามหลังมาติดๆ และเตือนด้วยว่าการแข่งกันสะสมขีปนาวุธระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้จะนำไปสู่วิกฤต และบานปลายกลายสงครามอีกครั้ง
เกาหลีเหนือมักอ้างว่า การมีขีปนาวุธ เพื่อป้องกันตนเองและกล่าวหาเกาหลีใต้กับสหรัฐ คุกคามความปลอดภัยบนคาบสมุทรเกาหลี ด้วยการร่วมซ้อมรบ การค้าขายอาวุธและนโยบายปรปักษ์ต่างๆ นอกจากนั้นเมื่อเดือนมกราคม ในการประชุมพรรคแรงงานเกาหลีเหนือนั้น คิม จอง อึน ประกาศว่า เกาหลีเหนือสะสมเทคโนโลยี จนสามารถย่อหัวรบนิวเคลียร์ให้เล็กลงได้ตามขนาดที่ต้องการ และมีน้ำหนักเบาตลอดจนได้มาตรฐาน
ซึ่งหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ บอกว่า ขีปนาวุธล่าสุดที่เกาหลีเหนือทดลองสามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ แต่ไม่มีความชัดเจนว่า เกาหลีเหนือติดหัวรบแล้วหรือไม่ มาร์คุส การ์ลาสกาส แห่งสถาบัน Atlantic Council และอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฝ่ายเกาหลีเหนือ บอกว่า แม้ขีปนาวุธพิสัยใกล้ของเกาหลีเหนือ ถูกมองว่าสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์แต่เป็นคำกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือ
ด้าน ประธานาธิบดีมุน แจ อิน ออกมาอ้างเช่นกันว่า ขีปนาวุธของเกาหลีใต้มีขีดความสามารถเข้าขั้นระดับโลก ( world class ) หลังจากทดลอง Hyunmoo-4 ( ฮุนมู-4 ) เมื่อปีที่แล้ว เกาหลีใต้ประกาศจะสร้างขีปนาวุธแบบใหม่ เพื่อทำลายฐานปืนใหญ่ใต้ดิน
เมลิสซ่า แฮนแฮม รองผู้อำนวยการ Open Nuclear Network บอกว่า การทดสอบขีปนาวุธเมื่อไม่นานนี้ของเกาหลีเหนือ เป็นการแจ้งต่อชาวเกาหลีใต้ว่า พวกเขามีขีปนาวุธที่สุดล้ำกว่า Hyunmoo-4 ( ฮุนมู-4 ) อย่างไรก็ตามสื่อเกาหลีใต้รายงานว่า อย่างเร็วสุดในปีนี้เกาหลีใต้อาจทดลองใต้น้ำด้วยการยิงขีปนาวุธวิถีโค้งจากเรือดำน้ำเป็นครั้งแรก
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ไม่เปิดเผยรายละเอียดของอาวุธพิเศษ โดยให้เหตุผลด้านความมั่นคงแต่กองทัพเกาหลีใต้ มีขีดความสามารถในการเผชิญกับขีปนาวุธพิสัยใกล้ของเกาหลีเหนือ ด้วยกองทัพทันสมัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ขีปนาวุธของเกาหลีใต้ ช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์ Overwhelming Response ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการโจมตีจากเกาหลีเหนือ แต่ขณะเดียวกันยังชิงทำลายโรงงานนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และปืนใหญ่ของเกาหลีเหนืออีกด้วย