รีเซต

เจ้าของ TikTok โดนแฉ.. เอาคอนเทนต์ของคนอื่นบน IG มาใส่แอปของตัวเอง

เจ้าของ TikTok โดนแฉ.. เอาคอนเทนต์ของคนอื่นบน IG มาใส่แอปของตัวเอง
TNN ช่อง16
5 เมษายน 2565 ( 17:12 )
138
เจ้าของ TikTok โดนแฉ.. เอาคอนเทนต์ของคนอื่นบน IG มาใส่แอปของตัวเอง

สำนักข่าว Buzzfeed ออกมาเปิดเผย Bytedance บริษัทแม่ของ TikTok ได้ทำการก๊อปโปรไฟล์ คลิป ชื่อผู้ใช้ และเนื้อหาต่างๆ บน Instagram และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ มาใส่ให้กับแอป Flipagram หรือชื่อปัจจุบัน Vigo Video โดยทาง Buzzfeed ยืนยันว่าทาง Bytedance ได้ทำการก๊อปข้อมูลไปหลายแสนบัญชีทีเดียว โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมหรือทำการขอจากผู้ใช้ก่อน - ข้อมูลดังกล่าวทาง Buzzfeed ได้มาจากการสัมภาษณ์อดีตพนักงาน ByteDance


Flipagram หรือ Vigo Video เป็นแอปลักษณะเดียวกับ TikTok แต่ใช้งานได้ง่ายและเรียบง่ายกว่ามาก



ขอบคุณภาพจาก : buzzfeednews.com

 


ตามข้อมูลระบุว่าทาง Bytedance ก๊อปข้อมูลของผู้ใช้งานบนแอปอื่นๆ มากถึง 10,000 รายการต่อวัน โดยโฟกัสไปที่ประเทศใหญ่ๆ เป็นหลัก มียืนยันว่ามี 3 แอปที่ทาง Flipagram เข้าไปก๊อปข้อมูลมา ประกอบไปด้วยแอป Instagram, Snapchat, และ Musical.ly (ปัจจุบัน Musical.ly เป็นของ Bytedance แล้ว) ข้อมูลส่วนใหญ่ถูกเอามาเพื่อสร้างอัลกอริธึม “For You” บนตัวแอป


ภาพจากแอป : Flipagram

อย่างไรก็ตาม การนำข้อมูลของแพลตฟอร์มอื่นมาใช้เพื่อเปิดเผยต่อสาธารณะในปัจจุบัน ยังถือว่าไม่ผิดกฎหมาย (มองว่าเป็นการแชร์)  มีแอปโซเชียลจำนวนมากที่ใช้วิธีนี้ บางแอปนอกจากดึงข้อมูลจากที่อื่นมาแล้ว ยังมีการทำแอคเคาท์ผี เพื่อเพิ่มยอดวิวในช่วงแรกๆ ไปจนถึงการส่ง E-mail จำนวนมากไปให้ผู้ใช้ที่มีศักยภาพ 


อย่างไรก็ตามการป้องกันการดึงข้อมูล สามารถทำได้โดยการร่างข้อกำหนดหรือเงื่อนไขของผู้ใช้ ซึ่งทั้ง Instagram และ Snapchat ต่างก็ทำกันเอาไว้ หากทางบริษัทเจ้าของแอปสามารถดักจับหรือมีหลักฐานว่าถูกดึงข้อมูลไปจริง ทางบริษัทสามารถยื่นฟ้องร้องได้


ภาพจากแอป : Vigo Video

 

ในก่อนหน้านี้ฟีเจอร์ Reels ของ Instagram ที่พึ่งออกมาใหม่ๆ เอง ก็ปล่อยให้ตัวระบบสามารถแชร์คลิปจาก TikTok มาแสดงได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ Instagram ทำเพื่อให้คนใช้ TikTok มาใช้ Reels มากขึ้น อย่างไรก็ตามทาง Instagram ได้สั่งหยุดไม่ให้ Reels แชร์คลิปของ TikTok แล้ว เพราะกลัวว่าคนดู Reels จะไปเพิ่มยอดวิวให้กับทาง TikTok แทน


แหล่งที่มา buzzfeednews.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง