รีเซต

Hermès แซง LVMH ขึ้นเบอร์ 1 บริษัทหรูของยุโรป l การตลาดเงินล้าน

Hermès แซง LVMH ขึ้นเบอร์ 1 บริษัทหรูของยุโรป l การตลาดเงินล้าน
TNN ช่อง16
21 เมษายน 2568 ( 09:05 )
9

LVMH สูญเสียตำแหน่งบริษัทสินค้าหรูที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในยุโรปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังถูกแซงหน้าโดยคู่แข่ง Hermes เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น หลังรายได้ไตรมาสแรกไม่เป็นไปตามคาดการณ์

LVMH ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton, Dior, เครื่องประดับ Tiffany & Co. และร้านเครื่องสำอาง Sephora มียอดขายในไตรมาสแรกไม่ถึงเป้าหมายที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยมียอดขายลดลงในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางและคอนญักในสหรัฐฯ ขณะยอดขายในจีนยังคงอ่อนแรง

ราคาหุ้นของ LVMH ร่วงลงร้อยละ 7 ส่งผลให้มูลค่าตลาดลดเหลือ 246,000 ล้านยูโร ขณะที่ Hermes มีมูลค่าตลาดแซงขึ้นไปที่ 247,000 ล้านยูโร

เจเลนา โซโคลว่า นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Morningstar กล่าวว่า แม้มูลค่าตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่การซื้อขายสะท้อนถึงผลประกอบการที่แตกต่างกัน และความรู้สึกของนักลงทุนต่อทั้งสองบริษัท

โดย LVMH มีการพึ่งพากลุ่มลูกค้าที่อยู่ในระดับล่างของตลาดหรูมากกว่า ขณะที่ Hermes ซึ่งมีฐานลูกค้าที่ร่ำรวยกว่า จึงสามารถรับมือกับภาวะถดถอยในอุตสาหกรรมได้ดีกว่า

Hermes ผู้ผลิตกระเป๋า Birkin และ Kelly ราคาหลักหมื่นดอลลาร์ มีชื่อเสียงเรื่องการควบคุมกำลังผลิตอย่างเข้มงวด โดยเพิ่มการผลิตเพียงร้อยละ 6-7 ต่อปีเท่านั้น

ฟลาวิโอ เซเรด้า ผู้จัดการกลยุทธ์ลงทุนในแบรนด์หรูของ GAM กล่าวว่า การที่ Hermes แซง LVMH ได้ในแง่มูลค่าตลาดถือเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของโลกยุคหลังโควิด โดยที่แบรนด์แฟชั่นของ LVMH เคยได้เปรียบในช่วงฟื้นตัวหลังโรคระบาด

แต่เตือนว่าจะต้องเจอกับความเจ็บปวดในระยะสั้นแน่นอน โดยเฉพาะกับแบรนด์ Vuitton ที่เน้นสินค้าระดับกลาง ซึ่งกำลังกลายเป็นจุดอ่อน

หุ้นของ LVMH ร่วงลงร้อยละ 7.2 หนักสุดในกลุ่มแบรนด์หรู โดย Kering เจ้าของ Gucci ลดลงร้อยละ 2 Hermes ลดลงร้อยละ 0.3 ขณะที่ Richemont เจ้าของ Cartier ลดลง ร้อยละ 0.7 และ Prada ของอิตาลีลดลงร้อยละ 4.2

ยอดขายไตรมาสแรกของ LVMH ลดลงร้อยละ 3 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเติบโตร้อยละ 2 สะท้อนถึงปีที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมหรูอีกปีหนึ่ง โดยเฉพาะหลังจากนโยบายภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความกังวลว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นักวิเคราะห์จาก RBC นายพิรัล ดัดฮาเนีย ระบุว่า ผลประกอบการของ LVMH เป็นสัญญาณของ "สภาวะแวดล้อมทางการค้าที่ยากลำบากขึ้นในภาคหรูหรา" พร้อมปรับลดคาดการณ์ยอดขายของ LVMH ในปีนี้จากการเติบโตร้อยละ 3 เหลือร้อยละ 0

แม้นักลงทุนจะหวังว่าอุตสาหกรรมหรูจะฟื้นตัวในปีนี้ แต่ความตึงเครียดด้านการค้าทำให้ความหวังเริ่มเลือนลาง โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มแฟชั่นและสินค้าหนังซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ LVMH กลับมาลดลงร้อยละ 5 ในไตรมาสแรก ตามข้อมูลจาก Deutsche Bank

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทหรูปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม โดย LVMH, Kering และ Burberry ร่วงไปแล้วร้อยละ 14 Richemont ลดลงร้อยละ 13 และ Hermes ลดลงร้อยละ 5

นักวิเคราะห์จาก Bernstein เพิ่งปรับลดคาดการณ์ยอดขายของทั้งอุตสาหกรรมในปีนี้ให้ลดลงร้อยละ 2 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 5 ซึ่งจะถือเป็นภาวะถดถอยยาวนานที่สุดของอุตสาหกรรมในรอบกว่า 20 ปี 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง