JTS เผย Q3/66 พลิกเป็นขาดทุน 10.38 ลบ. -เปิดแผนธุรกิจเป้าหมายปีนี้
#JTS #ทันหุ้น-บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 3/66 ขาดทุน 10.37 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 4.59 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมจำนวน 580.82 ล้านบาท ลดลง 89.52 ล้านบาท หรือ 13.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยรายได้รวมประกอบด้วย รายได้จากธุรกิจออกแบบ และวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม จำนวน 21.03 ล้านบาท ลดลง 108.75 ล้านบาท หรือ 83.80% มาจากการขายอุปกรณ์ Sever แก่ลูกค้ารายใหญ่ 2 ราย จำนวน 85.71 ล้านบาท งานก่อสร้างเคเบิ้ลร้อยสายใต้ดิน จํานวน 14.96 ล้านบาท งานขายพร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิ ด จํานวน 3.08 ล้านบาท และการให้บริการโครงข่ายคอมพิวเตอร์และสื่อสัญญาณแบบไร้สายแบบครบวงจรสําหรับสถานีนํ้ามัน จํานวน 7.81 ล้านบาท แต่รายได้การขายอุปกรณ์และติดตั้ง Solar Roof เพิ่มขี้น จํานวน 2.81 ล้านบาท
รายได้ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม จํานวน 509.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.48 ล้านบาท คิดเป็น 8.16% โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการให้บริการวงจรเช่าในประเทศ จํานวน 11.70 ล้านบาท ค่าบริการวงจรเช่าส่วนบุคคลระหว่างประเทศ จํานวน 27.41 ล้านบาท ซึ่งใช้บริการโดยบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคมในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม แต่รายได้การขายและติดตั้งอุปกรณ์ลดลง จํานวน 0.63 ล้านบาท
รายได้จากธุรกิจจัดหา ออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ จํานวน 17.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.22 ล้านบาท คิดเป็น 32.36% โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากงานปรับปรุงระบบงานการเงินรับและการเงินจ่ายของกรุงเทพมหานคร จํานวน 3.55 ล้านบาท และการให้บริการคลาวด์ จํานวน 1.09 ล้านบาท แต่การให้บริการบํารุงรักษาลดลง จํานวน 0.42 ล้านบาท
รายได้จากธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ จํานวน 32.56 ล้านบาท ลดลง 23.47 ล้านบาท คิดเป็น 41.89% โดยในไตรมาสที่ 3/66 มีเหรียญบิทคอยน์เพิ่มขึ้น 33.22983528 เหรียญ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2/66 จํานวน 3.03426860 เหรียญ จํานวนเหรียญบิทคอยน์คงเหลือทั้งสิ้น 206.63695112 เหรียญ
**เปิดแผนธุรกิจ
JTS ระบุว่า การดําเนินการตามแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัทเจทีเอส โดยบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% มีความคืบหน้า ดังนี้ บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จํากัด (JasTel) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม และอินเทอร์เน็ตทั้งใน และต่างประเทศ ได้ดําเนินการขยายศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่อาคาร จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เพื่อเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นําในตลาดศูนย์ข้อมูล และตอบสนองความต้องการของลูกค้าและรองรับการขยายตัวของธุรกิจ Generative AI ในอนาคต โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2567
สําหรับธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ ถึงแม้จะมีการขายเหรียญบิทคอยน์ออกไปบางส่วน เพื่อเตรียมใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการขุดเหรียญบิทคอยน์ในอนาคต เพราะราคาบิทคอยน์ถัวเฉลี่ยลดลงจากเดือนกรกฎาคมเท่ากับ 30,056.38 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญบิทคอยน์ เป็น 27,866.07 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญบิทคอยน์ในเดือนสิงหาคม และ 26,307.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญบิทคอยน์ในเดือนกันยายน แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ราคาเหรียญบิทคอยน์ได้ปรับตัวขึ้นมาเหนือ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญบิทคอยน์ในต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทําให้การขุดเหรียญยังคงดําเนินการต่อไป
นอกจากนี้ หลังจากการลงนามความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และ เคที คอร์ปอเรชั่น (KT) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาโดยทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันวางแผนในการให้บริการ Generative AI ตลอดจนกําหนด Roadmap สําหรับธุรกิจใหม่ดังกล่าว ซึ่งเตรียมเปิดตัวในประเทศไทยเป็นแห่งแรกในปี 2567 และมีเป้ าหมายที่จะขยายการให้บริการไปยังประเทศต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปในอนาคต