ทรัมป์เดินหน้า ขึ้นภาษีเหล็ก 50% มีผลทันที 4 มิ.ย.นี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งเมื่อวันอังคาร ( 3 มิถุนายน 2568 ) ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากอัตรา 25% ขึ้นมาเป็น 50% และจะมีผลบังคับใช้วันที่ 4 มิถุนายน 2568 นี้ อ้างเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ
เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจทำเนียบขาว อธิบายถึงแผนการดังกล่าวในการประชุมอุตสาหกรรมเหล็กที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันอังคารว่า เราเริ่มต้นที่ 25% และหลังจากศึกษาข้อมูลมากขึ้นก็พบว่ามันช่วยได้มาก แต่ก็ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มอีก และนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมการปรับขึ้นภาษีเป็น 50% จึงจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้การขึ้นภาษีของทรัมป์จะมีผลบังคับใช้เวลา 00.01 น. ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น และมีผลกับพันธมิตรทางการค้าทั้งหมด ยกเว้นอังกฤษซึ่งเป็นประเทศเดียวที่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับสหรัฐฯ ในระหว่างช่วงที่ ทรัมป์ ชะลอการขึ้นภาษีสินค้าต่างๆ เป็นเวลา 90 วัน
เหล็กกล้าที่ใช้ในสหรัฐฯ จำนวนมาก หรือคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 เป็นเหล็กกล้านำเข้า ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากร (US Census Bureau) ระบุว่า การจัดเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อคู่ค้าที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ อย่างแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไปยังสหรัฐฯ รายใหญ่อันดับที่ 1 และ 3 ตามลำดับ
โดยแคนาดาเป็นประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีอะลูมิเนียมมากที่สุด เนื่องจากเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดมายังสหรัฐฯ มากถึงเกือบ 2 เท่า ของปริมาณการส่งออกของผู้ส่งออกรายใหญ่ที่เหลือใน 10 อันดับแรกรวมกัน โดยสหรัฐฯ นั้นนำเข้าอะลูมิเนียมประมาณครึ่งหนึ่งจากต่างประเทศ
สำนักงานของนายกรัฐมนตรี มาร์ก คาร์นีย์ แห่งแคนาดา แถลงว่า แคนาดากำลังอยู่ระหว่างเจรจาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องกับสหรัฐฯ เพื่อขอยกเลิกภาษีเหล่านี้ ตลอดจนภาษีอื่นๆ ด้วย
มาตรการขึ้นภาษีที่เหนือความคาดหมายของ ทรัมป์ ทำให้ตลาดโลหะทั้ง 2 ประเภท ได้รับผลกระทบในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอะลูมิเนียมซึ่งราคาพรีเมียมพุ่งสูงขึ้นกว่า 2 เท่าในปีนี้ และเนื่องด้วยสหรัฐฯ คงยังไม่อาจเพิ่มกำลังผลิตภายในประเทศได้มากในปัจจุบัน ปริมาณการนำเข้าจึงน่าจะไม่ได้รับผลกระทบ ยกเว้นแต่ราคาที่เพิ่มขึ้นซึ่งอาจทำให้อุปสงค์ลดลง
ขณะเดียวกันวันนี้ 4 มิถุนายน 2568 ยังเป็นวันที่ทำเนียบขาวยังคาดหวังให้ประเทศคู่ค้าต้องยื่นข้อเสนอเพื่อทำข้อตกลงที่อาจช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร "วันปลดปล่อย" (Liberation Day) ของ ทรัมป์ ที่จะมีผลบังคับใช้ในอีก 5 สัปดาห์ข้างหน้า
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ได้เจรจาอย่างจริงจังกับหลายประเทศตั้งแต่ ทรัมป์ ประกาศชะลอมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรเมื่อวันที่ 9 เมษายน แต่จนถึงปัจจุบันมีเพียงข้อตกลงกับสหราชอาณาจักรที่บรรลุผล แต่ทว่าข้อตกลงดังกล่าวซึ่งช่วยให้อังกฤษรอดจากภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมก็ยังเป็นเพียงกรอบเบื้องต้นสำหรับการเจรจาเพิ่มเติมเท่านั้น
อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้รัฐบาลของทรัมป์กำลังต่อสู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับภาษีส่วนใหญ่ที่บังคับใช้ภายใต้พระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ
แต่สำหรับภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมไม่ได้รับผลกระทบจากการฟ้องร้องคดีดังกล่าว เพราะทรัมป์ใช้อำนาจทางกฎหมายที่แตกต่างกัน