รีเซต

TISCO เผยกำไร Q3/65 ที่ 1,771.32 ลบ. โต 13.52% สินเชื่อโต 4.8%

TISCO เผยกำไร Q3/65 ที่ 1,771.32 ลบ. โต 13.52% สินเชื่อโต 4.8%
ทันหุ้น
12 ตุลาคม 2565 ( 12:59 )
44
TISCO เผยกำไร Q3/65 ที่ 1,771.32 ลบ. โต 13.52% สินเชื่อโต 4.8%

#TISCO #ทันหุ้น-บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO แจ้งตลาดหลักทรัพย์ผลดำเนินงานไตรมาส 3/65 มีกำไร 1,771.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.52% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 1,560.33 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก โดยเงินให้สินเชื่อกลับมาเติบโตได้ 4.8% จากไตรมาสก่อนหน้า จากสินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs และสินเชื่อจำนำทะเบียนเป็นหลัก ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวดีขึ้น 4.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า 

 

ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าประกันภัยฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 44.3% สอดคล้องกับปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มขึ้น 27.7% ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนยังคงอ่อนตัวลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทั้งรายได้ค่านายหน้าการซื้อขายขายหลักทรัพย์ชะลอตัวลง 15.1% ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานจากธุรกิจจัดการกองทุนลดลง 0.9% จากการออกกองทุนใหม่ที่ลดลงในสภาวะตลาดทุนที่ไม่เอื้ออำนวย 

 

ส่วนกำไรไตรมาส 3/65 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 ลดลง 4.2% สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน  (FVTPL) จำนวน 107.59 ล้านบาท เทียบกับผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินจำนวน 173.12 ล้านบาทในไตรมาส 2/65 อย่างไรก็ตาม  รายได้จากธุรกิจหลักยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อและธุรกิจตลาดทุนที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัว 3.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 4.9% จากทุกกลุ่มธุรกิจ

 

สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.2%  ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ซึ่งได้พิจารณารวมถึงการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ และเป็นไปตามคุณภาพสินทรัพย์ที่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระดับสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ลดลงมาอยู่ที่ 2.08%ของสินเชื่อรวม อีกทั้ง บริษัทยังคงลดระดับการตั้งสำรองลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง