รีเซต

รองผู้ว่าฯประจวบฯตั้งกก.สอบนายอำเภอทับสะแก เกียร์ว่างปล่อยต่างด้าวเข้าเมือง

รองผู้ว่าฯประจวบฯตั้งกก.สอบนายอำเภอทับสะแก เกียร์ว่างปล่อยต่างด้าวเข้าเมือง
มติชน
4 พฤศจิกายน 2563 ( 10:14 )
133
รองผู้ว่าฯประจวบฯตั้งกก.สอบนายอำเภอทับสะแก เกียร์ว่างปล่อยต่างด้าวเข้าเมือง

จากกรณีเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ทับสะแก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทับสะแก สนธิกำลังร่วมกันจับกุมบุคคลต่างด้างหลบหนีเข้าเมืองที่สวนมะพร้าวหมู่ 5 บ้านหนองมะค่า ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก พร้อมของกลางใบกระท่อมผงจำนวน 55 ถุงน้ำหนัก 5.5 กิโลกรัม เงินสดกว่า 1 หมื่นบาท โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องและส่งของเครื่องใช้ ตามที่ปรากฏในภาพถ่ายรายงานโดยเจ้าหน้าที่ทหารชุดจับกุม เบื้องต้นผู้ต้องหาสารภาพว่าหลบหนีเข้าเมืองผ่านชองทางธรรมชาติ เพื่อนำโคและกระบือเถื่อนจำนวนกว่า 50 ตัว เข้ามาขายให้นายทุนรายหนึ่ง แต่ถูกจับกุมขณะรอรับเงิน เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563

 

ความคืบหน้า วันที่ 4 พฤศจิกายน นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้ลงนามตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยมีนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นประธาน เพื่อให้นายอำเภอทับสะแกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ ชี้แจงข้อเท็จจริงการจับกุมคดีดังกล่าว กรณีไม่นำใบกระท่อมผง และของกลางที่พบในที่เกิดเหตุส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย การทำบันทึกจับกุมของฝ่ายปกครองที่มีข้อมูลคลาดเคลื่อนรายงานผู้บังคับบัญชาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฎ รวมทั้งกรณีปล่อยให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายพร้อมนำโคและกระบือเถื่อนที่ไม่ผ่านการตรวจโรคเข้าไปมาในพื้นที่ หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการให้ทุกอำเภอเข้มงวดในการจับกุมและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันปัญหาโควิด 19 จากประเทศเพื่อนบ้าน

 

“ได้แจ้งให้ฝ่ายปกครองอำเภอทับสะแกตรวจสอบภาพจากกล้องจงจรปิด เนื่องจากมีเบาะแสแจ้งจากชาวบ้านว่ามีรถบรรทุกของนายทุนรายหนึ่งเข้าไปบรรทุกโคและกระบือในที่เกิดเหตุ จากนั้นนำไปกักที่ฟาร์มแห่งหนึ่งที่ ต.ห้วยยาง และขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ชายแดนที่ ต.อ่างทอง ตรวจสอบการตั้งด่านอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่ หลังจากมีชาวบ้านแจ้งว่าที่ผ่านมามีนายทุนนำรถเข้าไปบรรทุกโคและกระบือเถื่อนในเวลากลางคืน “ นายชาตรี กล่าว

 

จ่าเอกแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้วางแผนนำเจ้าหน้าที่ อส.สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร วางรั้วลวดหนามบริเวณช่องทางธรรมชาติแนวชายแดนไทยเมียนมาที่ ต.อ่างทอง เพื่อป้องกันการลักลอบหนีเข้าเมืองและการนำโคกระบือเถื่อนไม่ผ่านการตรวจโรคเข้ามาจำหน่ายในประเทศซึ่งปัจจุบันพบว่าเหลือเพียงอำเภอเดียวที่ยังมีปัญหา ขณะที่ก่อนหน้านี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งให้ปิดช่องทางธรรมชาติทั้ง 8 อำเภอ สำหรับการจับกุมบุคคลต่างด้าวเถื่อน 7 รายสารภาพว่า นำโคกระบือเถื่อนจาก อ.ตะนาวศรีเข้ามาขายฝั่งไทย พบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือมีรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายโคกระบือเถื่อนทั้งหมดใน ต.อ้่างทอง และ ต.ห้วยยาง อ.ทับสพแก จากนั้นได้มอบหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

พ.ต.อ.นพดล ธุวังควัฒน์ ผกก.สภ.ทับสะแก กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้นำ 7 ผู้ต้องหา คดีหลบหนีเข้าเมือง และครอบครองยาเสพติดใบกระท่อมผง ส่งฟ้องศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากหน้าที่ต้องเร่งทำสำนวนให้ครบถ้วน จากนั้นจะส่งตัวให้ ตม.ผลักดันออกนอกประเทศ โดยพนักงานสอบสวนได้รับมอบของกลางใบกระท่อมผงจากเจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอทับสะแก เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 3 พฤศจิกายน หลังจากอ้างว่าเจ้าหน้าที่บางรายนำไปเก็บไว้โดยไม่ทราบเหตุผล ทำให้ถูกหลายฝ่ายทักท้วง เนื่องจากมีถุงใบกระท่อมปรากฏในภาพถ่ายขณะเจ้าหน้าที่ทหารเข้าทำการจับกุมล่าสุดศาลสั่งปรับรายละ5500 บาทโทษจำคุก4 เดือนรอลงอาญา

 

ด้านแหล่งข่าวจากฝ่ายปกครองจังหวัดระบุว่า คดีนี้พบพิรุธภายหลังมีการทำบันทึกการจับกุมใหม่ทั้งหมด หลังจากเจ้าหน้าที่ที่ระดับอำเภอรายหนึ่งพยายามนำใบกระท่อมไปซุกซ่อน และไม่ติดตามจับกุมโค และกระบือของกลางที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมืองคดีเดียวและให้รีบผลักดันออกนอกประเทศ เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะให้การชัดทอดถึงขบวนการค้าโคและกระบือเถื่อนในพื้นที่ รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้ให้ที่พักพิงและการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติผ่านช่องทางธรรมชาติที่หมู่ 5 และหมู่ 8 ต.อ่างทอง ขณะที่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่าเจ้าหน้าที่ปกครองรายหนึ่ง เรียกรับเงินจากขบวนการค้าแรงงานเถื่อน 5 หมื่นบาท ก่อนนำแรงงานเถื่อนผ่านพื้นที่หลบหนีไปภาคใต้ โดยให้เจ้าหน้าที่ อส.รายหนึ่งนัดรับเงินสดที่หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.ทับสะแก แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ดังกล่าว.ต้องนำเงินทั้งหมดไปคืนให้แก๊งค้าแรงงานเถื่อน เนื่องจากถูกข่มขู่แจ้งความดำเนินคดีย้อนรอยพร้อมนำคลิปภาพและเสียงไปแฉประจานในโซเชียลมีเดีย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง