เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะฟื้นตัวขึ้นทดสอบ High เดิมบริเวณ 1,695+- จุด จาก Sentiment บวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวดี โดยได้อานิสงส์จากความคาดหวังเชิงบวกต่อตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ที่จะประกาศคืนนี้ว่าจะออกมาอ่อนตัวลง และหนุนให้ FED ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเหลือ 0.25% ในการประชุมเดือน ก.พ. ซึ่งจะทำให้แนวโน้มและโอกาสเกิด Recession ในระยะถัดไปจะลดลงหรือไม่รุนแรงมากเท่าที่ประเมินก่อนหน้า ส่งผลให้ Bond Yield ทยอยปรับลงอย่างต่อเนื่องและเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
โดยหุ้น Growth และ Tech ที่เคยเทรด PER สูงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มกลับมา Outperform วันนี้ ในทางกลับกันด้วยดัชนีที่ปรับตัวขึ้นรับความคาดหวังเชิงบวกไปมาก หากเงินเฟ้อออกสูงกว่าคาด มีโอกาสที่ตลาดจะเผชิญแรงขายอย่างหนาแน่นเช่นกัน
ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสยังอยู่ที่การเมืองเนื่องจากเข้าใกล้การเลือกตั้งทั่วไปมากขึ้นและมีโอกาสเกิดการยุบสภาก่อน ส่วนภาพเศรษฐกิจยังมองบวกในฝั่งการบริโภคและการท่องเที่ยว ระยะกลาง-ยาวเรายังชอบกลุ่ม Domestic/Reopening Play โดยมองจังหวะพักฐานเป็นโอกาสทยอยสะสม
กลยุทธ์ : ระยะกลาง-ยาวยังชอบกลุ่ม Domestic และ Reopening Play // ระยะสั้นเก็งกำไรหุ้น Growth และ Tech ที่ Laggard ตลาด
หุ้นเด่นเดือนม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : PRM
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.60 บาท
• โมเมนตัมกำไรปกติ 4Q22 คาดยังแข็งแกร่งต่อเนื่องเพราะเรือ VLCC ลำที่ 3 ทำงานเต็มไตรมาส รวมถึงการ Reopening หนุนปริมาณขนส่งน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ดี นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์จากบาทแข็งที่คาดมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
• เราคาดกำไรปกติปี 2022-2023 +46% Y-Y และ +14% Y-Y ตามลำดับ ราคาหุ้นปัจจุบันยังเทรด 2023PER เพียง 12 เท่า ต่ำกว่าในอดีตก่อน COVID-19 ที่ราว 20 เท่า
• แนวรับ 7.40-7.30 บาท แนวต้าน 7.75//8 บาท
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ยังปรับฐานต่อ นักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ + จีน วันนี้ และราคาน้ำมันดีดตัวกลับ โดยนักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ คืนนี้ ที่คาดว่าจะชะลอตัวลงอยู่ที่ระดับ 6.5% YoY (เดือนก่อน 7.1%) นักลงทุนส่วนใหญ่มองเงินเฟ้อกำลังอยู่ในช่วงขาลง (บวกต่อตลาดหุ้น)
เงินเฟ้อของจีนวันนี้คาดจะออกมาที่ระดับ 1.8% เพิ่มขึ้นสวนทางกับสหรัฐฯ แต่ไม่ได้มีผลลบต่อตลาดหุ้นเนื่องจากเศรษฐกิจจีน ชะลอตัวมาก่อนหน้านี้ (พรุ่งนี้ ต้องรอดูตัวเลขส่งออกของจีนด้วย)
ราคาน้ำมัน ปี 2023 ถูกคาดการณ์จาก ING และ Goldman Sachs ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นถึง $90 และ $110 เหรียญ/บาร์เรล ตามลำดับ หลัก ๆ มาจากความไม่สมดุลของ Supply ที่เพิ่มน้อยกว่า Demand รัสเซียส่งออกน้ำมันได้น้อยลง (ล่าสุด brent $82.6 เหรียญ) หุ้นได้ประโยชน์จะเป็น PTTEP, PTT และโรงกลั่นน้ำมัน(ยกเว้น BCP และ ESSO ที่กำลังมีข่าวซื้อขายกิจการกัน)
เม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ วานนี้ Net buy 938 ล้านบาท กอปรกับเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุด 33.3 บาท/ดอลลาร์
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย ททท.รายงานการท่องเที่ยวไทย และ ธปท.จะมีการแถลงเกี่ยวกับ Virtual Banking
Strategy
• ตลาดยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน เรามองจุดกลับตัว(แนวรับ) แรกไว้ที่ 1677 จุด การสลับกลุ่มเล่นรายวัน ยังเป็นกลยุทธ์ที่ควรใช้ในช่วงนี้ จนกว่าการปรับฐานจะจบลง
• หุ้น high Dividend yield เรายังให้ความสนใจต่อ PTT เพราะให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่สูง (คาด @2.0 บาท/ปี)
• หุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก มีโอกาสเล่น rebound อาทิ PTL, UREKA
• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำ PTTEP เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย PTTEP(10%), ASIAN(15%), SIRI*(15%), CKP(15%), PSL(15%), COM7(10%), KCE(10%)
Strategy Stock Pick
PTTEP: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 172.00 บาท) “ราคาน้ำมัน (Brent) ยืนเหนือ $80/บาเรล คาดราคาหุ้นดีดกลับ”
•คาดราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวรับกับกับน้ำมัน Brent ที่ยืนเหนือระดับ $80/บาเรล (ล่าสุดอยู่ที่ $82.67/บาเรล) ลุ้นแผนการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ในเดือน ก.พ.-มี.ค. ‘23
•ปันผลปี 4-5% ในปี ’23 (คาดการณ์) จะช่วยค้ำยันราคาหุ้นในช่วงที่ตลาดผันผวน ด้านแนวโน้มกำไร 4Q22 เราประเมินที่ 1.99 หมื่น ลบ. +54%YoY, -17%QoQ หนุนด้วยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น
•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 6.8 หมื่น พัน ลบ. และ 6.9 หมื่น ลบ. +75%YoY, +2%YoY ตามลำดับ
Technical : PLUS, SPACK
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,677-1,680 แนวต้าน 1,690-1,695 ระหว่างรอ US CPI แนะนำซื้อ GPSC,BGRIM,AAV,TOA,PTTGC,TOP (+เงินบาทแข็งค่า)/ มีเดีย VGI,PLANB,RS,WORK (+งบโฆษณาคาดเพิ่มขึ้น)/ เก็งกำไร JTS,BROOK (+ราคาBit Coin ฟื้นตัว)
NOBLE* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.80 บาท) งวด 3Q65 รายงานกำไรสุทธิ 137 ล้านบาท พลิกจาก 2Q65 ที่ขาดทุนสุทธิ 14 ล้านบาท จากการโอนคอนโดสร้างเสร็จใหม่ Noble State 39 และ Nue Noble Srinakarin-Lasalle ส่วนแนวโน้ม 4Q65 คาดกำไรเร่งขึ้นต่อเนื่องทั้ง QoQ, YoY หนุนจากโครงการใหญ่ 2 โครงการดังกล่าว และยังมีการเริ่มโอนคอนโด Noble Around อารีย์, Nue Noble งามวงศ์วาน, Nue Noble บางนา เข้ามา โดยในปีนี้มีปัจจัยมีแรงกระตุ้นการเร่งระบายสต๊อกจากมาตรการ LTV ที่จะสิ้นสุดปลายปี ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะมีแรงหนุนจากลูกค้าต่างชาติที่กลับเข้ามามากขึ้น
WHA* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.56 บาท) ประเมินภาพการดำเนินงานในช่วง 4Q65 ยังคงสดใสเป็นจุดสูงสุดของปีรับการขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs (ส่วนที่เป็นโลจิสติกส์ พร้อพเพอร์ตี้ จะขายให้กับ WHART/ ส่วนที่เป็น Ready-Built FACTORY กับ Ready-Built Warehouse จะขายให้กับ WHAIR) ด้านยอดขายที่ดิน คาดว่าเป้าของปี65 นี้ที่ 1,650 ไร่ มีโอกาสทำได้ทะลุเป้าไปที่ระดับ 1.7-1.8 พันไร่ (9M65 ทำได้ 1,512 ไร่; ไทย 1,412 ไร่, เวียดนาม 100 ไร่) ขณะที่ในส่วนของปีหน้าทาง WHA วางเป้ายอดขายที่ดินไว้ที่ระดับ 2,000 ไร่ ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 0.17 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.20 บาท/หุ้น, และ 0.26 บาท/หุ้น ตามลำดับ