รีเซต

โกยเงิน 600,000,000 ดอลลาร์ เปิดรายได้ "ทรัมป์" คริปโต - สนามกอลฟ์ - สินค้าตัวเอง

โกยเงิน 600,000,000 ดอลลาร์  เปิดรายได้ "ทรัมป์"  คริปโต - สนามกอลฟ์ - สินค้าตัวเอง
TNN ช่อง16
20 มิถุนายน 2568 ( 08:00 )
9

"ทรัมป์" รวยจากไหน ?

  

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

ล่าสุดโชว์รายได้ส่วนตัวพุ่งไปมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ท่ามกลางเสียงดราม่าว่าการเป็นผู้นำของเค้าทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ? 

ที่สำคัญ คือ หนึ่งในรายได้ที่หลายคนให้ความสนใจ ก็คือ เงินจากคริปโต 


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งเข้านั่งเก้าอี้บริหารประเทศสหรัฐอเมริกาไม่กี่เดือน

แต่ล่าสุดก็สร้างเสียงฮือฮาและถูกสังคมตั้งคำถาม

เมื่อทางการได้มีรายงานรายได้ของทรัมป์ออกมาต่อสาธารณะชน 

โดยเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 

ทางสำนักงานจริยธรรมรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา (OGE) 

ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของประธานาธิบดีทรัมป์ 

ที่มีความยาวมากกว่า 200 หน้า

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การรุกเข้าสู่ธุรกิจคริปโตของทรัมป์

ได้เพิ่มความมั่งคั่งอย่างมีนัยสำคัญ

เนื่องเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการลงทุนในเงินดิจิทัล

เป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดจากบรรดาแหล่งรายได้

หลายร้อยรายการของประธานาธิบดีทรัมป์ 

โดยเขามีรายได้จากการขายเหรียญดิจิทัลมูลค่า 57.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

ในแพลตฟอร์ม World Liberty Financial 

ซึ่้งเป็นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

ที่ตัวเขาเองได้ร่วมก่อตั้งขึ้นมากับลูกชายทั้งสองคน 

ได้แก่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ และนายอีริก ทรัมป์

ซึ่งมีรายได้มากกว่า 400 ล้านดอลลาร์

หลังจากที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว ปี 2024


ตามเอกสารของ OGE ระบุด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์

ถือครองโทเคนการกำกับดูแลมากถึง 15.75 พันล้านโทเคน 

หมายความว่าทรัมป์มีสิทธิในการออกเสียง

เพื่อกำหนดทิศทางและกำกับดูแล หรือพูดง่ายๆว่ามีอำนาจในการคุม

แพลตฟอร์ม World Liberty Financial ดังกล่าว


แต่อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล 

รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่ถูกแจ้งในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าข้อมูลชุดนี้มีระยะเวลาถึงแค่

สิ้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ปี 2024 ซึ่งเท่ากับว่ายังไม่รวมเม็ดเงินส่วนใหญ่

ที่ระดมได้จากการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลของครอบครัวทรัมป์

เพราะเป็นช่วงเวลาก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเข้าสู่ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

ดังนั้นรายได้ส่วนใหญ่ที่โชว์ครั้งนี้ จึงคาดว่ายังอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการคริปโตใหม่ๆ 


เช่น เหรียญมีม $TRUMP ที่ผู้นำสหรัฐฯ ออกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ถูกประเมินว่าสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 320 ล้านดอลลาร์ 

หรือจะเป็นเหรียญ $MELANIA  ของสุภาพสตรีหมายเลข 1 มาเลเนีย ทรัมป์

แต่ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า  เม็ดเงินนี้

ถูกแบ่งสรรปันส่วนอย่างไร ระหว่างธุรกิจของทรัมป์กับบรรดาหุ้นส่วน


ทรัมป์ ยังแจ้งรายได้จาก NFT รวมทั้งสิ้น 1.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ขณะที่ เมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยาของทรัมป์ ก็มีรายได้จากค่าธรรมเนียม

 NFT ที่ออกในชื่อของเธอเองประมาณ 216,700 ดอลลาร์สหรัฐ


รอยเตอร์คำนวณว่า รวมๆแล้ว ทรัมป์น่าจะมีทรัพย์สิน

ที่อ้างอิงจากรายงานฉบับนี้อย่างน้อย 1 พัน 600 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ

แม้ว่าทรัมป์จะโอนกิจการและธุรกิจของตัวเองไปให้ลูกแล้วก็ตาม

แต่แน่นอนว่าคนก็มองว่านโยบายของทรัมป์ 2.0  

ก็ยังเอื้อให้กับธุรกิจของครอบครัวอยู่ดี 



"ธุรกิจส่วนตัวของครอบครัว กับ นโยบายประเทศ? "


ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เคยออกมาบอกว่า

เขาได้ฝากฝังธุรกิจและกิจการต่างให้ลูกๆเข้ามาดูแล 

แต่ว่าจากการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฉบับนี้

กลับสะท้อนให้เห็นว่ารายได้ต่างๆ ดังกล่าวนั้น 

ยังคงตกเป็นของประธานาธิบดีทรัมป์ในท้ายที่สุด 

ซึ่งทำให้กลายเป็นประเด็นดราม่า 

เมื่อนักธุรกิจเข้ามาบริหารประเทศชาติ

เขาถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน 

โดยเฉพาะการลงทุนเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซี

ที่ทรัมป์เดินหน้าประกาศหนุนเต็มที่นับตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งจนวันที่รับตำแหน่ง 

ซึ่งหมายความว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเขาได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ

จากนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ออกมาจากการบริหารของตัวเขาเองหรือไม่ อย่างไร? 


ทรัพย์สินของมหาเศรษฐีทรัมป์ในฐานะนักธุรกิจ

ที่ผันตัวมาทำงานการเมืองถึงสมัยที่สอง 

กระจายอยู่ในหลายด้าน ตั้งแต่คริปโตไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ 

โดยทรัพย์สินจำนวนมากยังคงอยู่ในหุ้นของ Trump Media & Technology Group 

ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียล Truth Social


นอกจากรายได้และทรัพย์สินจากกิจการธุรกิจแล้ว 

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้รายงานว่า เขามีรายได้อย่างน้อย 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากการลงทุนแบบพาสซีฟ ซึ่งรวมถึงดอกเบี้ยและเงินปันผล 

จากเงินลงทุนรวมอย่างน้อย 211 ล้านดอลลาร์ 

ซึ่งอ้างอิงจากการคำนวณของรอยเตอร์


การลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือใน "Blue Owl Capital Corp" 

ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนทางเลือก 

และในกองทุนพันธบัตรรัฐบาลที่บริหารโดย "Charles Schwab" และ "Invesco"

ทั้งนี้เอกสารดังกล่าวที่ออกมาเป็นเพียงช่วงประมาณการของมูลค่าทรัพย์สินและรายได้ 

รอยเตอร์จึงใช้ค่าต่ำสุดของแต่ละช่วงในการคำนวณ 

ซึ่งหมายความว่า มูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินและรายได้ของทรัมป์อาจสูงกว่าที่รายงาน


นอกจากนี้รายได้หลักของทรัมป์ยังมาจากสนามกอลฟ์ กีฬาโปรดของเขา 

เอกสารแสดงรายได้จากทรัพย์สินในรัฐฟลอริดา ระบุรวมถึง

รีสอร์ทแนวกอล์ฟ 3 แห่ง ได้แก่ 

"Jupiter", "Doral" และ "West Palm Beach" 

และคลับสมาชิกส่วนตัว "Mar-a-Lago " 

และรวมแล้วสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 217.7 ล้านดอลลาร์


"Trump National Doral " ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟขนาดใหญ่แถบไมอามี

ที่มีชื่อเสียงจากสนาม “Blue Monster” 

ถือเป็นแหล่งรายได้เดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดของครอบครัว 

สร้างรายได้ 110.4 ล้านดอลลาร์ โดยที่รายได้เหล่านี้เป็นรายได้รวม 

 ไม่ใช่กำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย


ส่วนรายได้ระดับโลก หรือจากต่างประเทศก็ต้องจับตา

เพราะเอกสารยังเผยให้เห็นถึงธรรมชาติของธุรกิจครอบครัวทรัมป์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก 

มีทั้ง ค่าลิขสิทธิ์ 5 ล้านดอลลาร์จากโครงการในเวียดนาม 

ค่าพัฒนาโครงการในอินเดีย 10 ล้านดอลลาร์ 

และค่าลิขสิทธิ์โครงการในดูไบเกือบ 16 ล้านดอลลาร์


นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้รายได้จากการรับค่าลิขสิทธิ์

จากสินค้าแบรนด์ของตัวเอง อีกหลากหลาย เช่น

1.3 ล้านดอลลาร์จาก "Greenwood Bible" 

2.8 ล้านดอลลาร์จาก "Trump Watches"

2.5 ล้านดอลลาร์จาก "Trump Sneakers" และน้ำหอมต่างๆ 


ทรัมป์ยังรายงานว่ามีรายได้ 1.16 ล้านดอลลาร์จากการขาย NFT 

ซึ่งเป็นการ์ดดิจิทัลที่มีรูปลักษณ์ของเขาเอง 

ขณะที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เมลาเนีย ทรัมป์ 

ก็ได้รับค่าลิขสิทธิ์จากคอลเลกชัน NFT ของเธอเองประมาณ 216,700 ดอลลาร์



"ทรัมป์  1.0 ยกระดับสู่ 2.0 รายได้สองเท่า ? "

 

ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก่อน 

ก่อนมาเข้าสู่วงการการเมือง

ด้วยการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งแรกหรือสมัยแรก เมื่อปี 2017 

และกลับมาอีกครั้งเป็นทรัมป์ 2.0 เมื่อต้นปีนี้

และมีการคาดการณ์ว่าด้วยอำนาจที่ทรัมป์มีหลังจากนี้

จะทำให้อาณาจักรธุรกิจของเค้ายิ่งใหญ่กว่าเดิม   


โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ มหาอำนาจของโลกถึง 2 สมัย ครั้งแรกเมื่อปี 2017 

ทรัมป์เข้าสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2017

ผ่านมา 8 ปี ทรัมป์กลับมาอีกครั้ง และเข้าสาบานตนรับตำแหน่งเป็น ประธานาธิบดี คนที่ 47 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 

ภาพการเมืองที่ฉายซ้ำ ท่ามกลางความหวังของคนอเมริกัน และสโลแกนสำคัญ "ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่"

Make America Great Again


อย่างไรก็ตามก่อนจะไปถึงจุดที่คนอเมริการ่ำรวยได้จริงตามคำหาเสียงของทรัมป์

วันนี้อย่างน้อยคนอเมริกันหนึ่งคนที่รวยแล้วก็คือทรัมป์

ทรัมป์มีความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างชัดเจนในระดับมหาเศรษฐี 


สำนักข่าวบลูมเบิร์กเคยออกรายงานว่าเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์

เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 เขาจะมีทรัพย์สินมากกว่าสองเท่าจากครั้งแรกเข้าสู่ตำแหน่ง 

เนื่องจากผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัวที่ขยายตัว 

และจะความขัดแย้งแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา


ทรัมป์ กลับเข้าสู่ทำเนียบข่าวอีกครั้งด้วยอายุ 78 ปี 

พ่วงด้วยตำแหน่งมหาเศรษฐีระดับโลก ที่มีทรัพย์สินสุทธิสูงถึง 7 พัน 2 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ

อ้างอิงจากดัชนีของ Bloomberg 

ย้อนกลับไปดูที่ข้อมูลทางการเงินของทรัมป์

นับตั้งแต่สมัยแรกที่ได้รับเลือกตั้งหลังปี 2016 

พบว่ารายได้หลังจากขึ้นเป็นประธานาธิบดีเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เช่น รายได้จากกิจการกอล์ฟและรีสอร์ทเพิ่มขึ้น 60% ระหว่างปี 2016-2023 

พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ขยายการลงทุนในต่างประเทศอีกมากมาย  

โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง 


ตัดกลับมาที่ปัจจบุันนี้ เราก็ได้เห็นข่าวการลงทุนของครอบครัวทรัมป์ที่รุกไปต่างประเทศเช่นกัน

เช่นล่าสุด เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นของเวียดนาม ได้รายงานว่า

รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติโครงการลงทุนมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ (กว่า 5 หมื่นล้านบาท) 

จากบริษัท "Trump Organization" และบริษัทพันธมิตรในเวียดนาม 

สำหรับการก่อสร้างสนามกอล์ฟ โรงแรม และโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ


ซึ่งความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ในระหว่างที่เวียดนามกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาการค้ากับสหรัฐ 

กรณีถูกเรียกภาษีตอบโต้ และสหรัฐได้ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามสูงถึง 46% 



ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นมหาเศรษฐี ที่เข้ามาบริหารประเทศ

เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ 

โดยก่อนหน้านี้ Forbes ประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขาไว้มากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่ทรัมป์คนเดียวเท่านั้น

ในรัฐบาลของทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ามีแต่ชนชั้นนำระดับเศรษฐีเข้ามากุมอำนาจ

เช่น อีลอน มัสก์ เศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก เจ้าของเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ก็เคยเคียงข้างทรัมป์

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง