รีเซต

ทรัมป์ประกาศ ตั้งอีลอน มัสก์ และอดีตผู้สมัครปธน. สหรัฐอเมริกา คุมบังเหียนกระทรวงลดต้นทุนรัฐบาล

ทรัมป์ประกาศ ตั้งอีลอน มัสก์ และอดีตผู้สมัครปธน. สหรัฐอเมริกา คุมบังเหียนกระทรวงลดต้นทุนรัฐบาล
TNN ช่อง16
13 พฤศจิกายน 2567 ( 12:35 )
9
ทรัมป์ประกาศ ตั้งอีลอน มัสก์ และอดีตผู้สมัครปธน. สหรัฐอเมริกา คุมบังเหียนกระทรวงลดต้นทุนรัฐบาล

สำนักข่าว NBC และอีกหลายสำนักข่าวในสหรัฐอเมริกา รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ผู้ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์ว่าจะตั้งกระทรวงใหม่ที่เรียกว่า กระทรวงจัดการต้นทุนรัฐบาล (Department of Government Efficiency) โดยมีอีลอน มัสก์ (Elon Musk) เจ้าของเทสลา (Tesla) และมหาเศรษฐีชื่อดัง กับ วิเว็ก รามาสวามี (Vivek Ramaswamy) อดีตผู้สมัครตำแหน่งประธานาธิบดีในการหาเสียงรอบแรก (Primary vote) จากพรรครีพับลิกัน เป็นผู้นำ


หน้าที่ของอีลอน มัสก์ กับกระทรวงใหม่

โดยกระทรวงใหม่นี้จะมีหน้าที่ทำให้การบริหารงานภาครัฐมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และลดต้นทุนการบริหารลง โดยเป็นอิสระเหนือกระทรวงอื่น ๆ และทำหน้าที่ในเชิงให้คำแนะนำ ออกรายงานเพื่อให้ทรัมป์พิจารณา ซึ่งมัสก์ เชื่อว่า เขาจะสามารถลดงบประมาณได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 68 ล้านล้านบาท แม้จะไม่ได้พูดว่ามีวิธีการและแผนงานอย่างไร แต่ก็พูดถึงการตัดงบกระทรวงศึกษา รวมถึง NPR สื่อสาธารณะของชาติด้วย


ทั้งนี้ อีลอน มัสก์ ได้ทวีตข้อความเสริมจากแถลงการณ์ของทีมงานทรัมป์ที่เผยแพร่แถลงการณ์ว่า "ผมเป็นภัยต่อประชาธิปไตยเหรอ ไม่ ผมเป็นภัยกับรัฐราชการธิปไตยต่างหาก" - Threat to democracy? Nope, threat to BUREAUCRACY!!!



ในขณะที่ วิเว็ก รามาสวามี (Vivek Ramaswamy) ได้เคยเสนอตัดงบหน่วยงานกลางสำคัญจำนวนมาก ทั้งสำนักงานสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอ (FBI) สำนักงานวัตถุระเบิด อาวุธปืน บุหรี่ และแอลกอฮอล์ (Bureau of Alcohol, Tobacco, Firearms and Explosives) ไปจนถึงกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการกำกับดูแลนิวเคลียร์ (Nuclear Regulatory Commission) และหน่วยงานในกระทรวงเกษตรด้วย


โดยทรัมป์เชื่อว่า แผนการนี้จะเป็นพายุหมุนทางการเมือง และเปรียบเปรยว่าสามารถสร้างแรงกระเพื่อมเทียบได้กับการทำโครงการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ (The Manhattan Project' of our time) แม้ว่าจะมีนักวิชาการบางส่วนไม่เห็นด้วยและมองว่าอาจทำให้การพัฒนาประเทศสะดุดเพราะขาดงบประมาณก็ตาม


ข้อมูล NBC

ภาพ Reuters 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง