น้ำท่วมทำยางพารา-ปาล์มเสียหาย 6.7 พันลบ.

จากสถานการณ์ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 หลายพื้นที่ภาคใต้เผชิญฝนตกหนักสะสมกว่า 300-500 มิลลิเมตร ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 1.5 เท่า โดยจังหวัดสงขลาน้ำท่วมหนักสุด วัดจากปริมาณฝนสะสมสูงสุดในวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ 630 มิลลิเมตร สูงกว่าน้ำท่วมใหญ่ปี 2553 ที่อยู่ที่เพียง 428 มิลลิเมตร
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมันเสียหายจากน้ำท่วม เนื่องจากมีพื้นที่ปลูกหลักอยู่ในภาคใต้
โดยยางพารามีพื้นที่ปลูกอยู่ในภาคใต้ร้อยละ 57 จากทั้งประเทศ แหล่งผลิตหลักอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี สงขลา และนครศรีธรรมราช ส่วนปาล์มน้ำมันมีพื้นที่ปลูกอยู่ในภาคใต้ร้อยละ 86 จากทั้งประเทศ แหล่งผลิตหลักอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และชุมพร
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ความเสียหายของผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมันจากน้ำท่วม คิดเป็นมูลค่ารวม 6,698 ล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายของผลผลิตยางพารา 83,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4,456 ล้านบาท และความเสียหายของผลผลิตปาล์มน้ำมัน 340,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2,242 ล้านบาท
ด้าน นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครั้งที่ 5/2568 ว่า ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งเตรียมมาตรการ/โครงการช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ปี 2568 หลังน้ำลด เพื่อเร่งช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรอย่างเร่งด่วน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ครัวเรือนละ 3,000 บาท เป็นวงเงินประมาณ 3,237 ล้านบาท โดยจะเร่งจัดทำรายละเอียดนำเสนอร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณาและเสนอขอรับงบกลางช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ปี 2568 ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ มีเงื่อนไขต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งคาดการณ์เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบด้านการเกษตรรวมประมาณ 1,079,236 ครัวเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568) (ด้านพืช 565,565 ครัวเรือน ด้านประมง 65,239 ราย ด้านปศุสัตว์ 448,432 ราย)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
