สรยุทธ สุทัศนะจินดา โพสต์ถาม 'ทำไมยังเกิดขึ้น'
ข่าววันนี้ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวชื่อดัง ช่อง 3 โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ตั้งคำถามถึงเรื่องที่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าถูกปฏิเสธวัคซีน ความว่า ทำไมยังเกิดขึ้น #ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด โดย สรยุทธ แชร์ข้อความของบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ที่โพสต์ลงในสังคมออนไลน์ ความว่า “บันทึกรอยแผลของช่วงชีวิตนี้ไว้ในความทรงจำ" ท้ายที่สุดของการรอคอยอย่างมีความหวัง คือด่านหน้าอย่างพวกเรา…ยังคงถูกปฏิเสธการฉีดวัคซีน
เหลือเชื่อจริงๆที่รายชื่อด่านหน้าไม่กี่ตึกรวบรวมยากเย็น เห็นรายชื่อคนที่ได้รับแล้วเราเจ็บปวดใจแทนด่านหน้าทุกคนที่กัดฟันสู้เพื่อโรงพยาบาล อุทิศชีวิตเดียวที่มีนี้เพื่อคนไข้ บางคนไม่ได้ทำงานในรพ.แล้วด้วยซ้ำ บางคนคือใครจากไหนไม่รู้
เราสงสารตัวเองที่เชื่อมั่นว่าผู้บริหารจะเห็นคุณค่าของพวกเรา แต่กลับปล่อยให้สิทธิที่เราควรได้รับถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา หรือจริงๆแล้วเห็นความเป็นความตายของเราเป็นเรื่องตลกร้าย
เรามีกันแค่คนละหนึ่งชีวิตและเป็นคนที่คลุกคลีกับคนไข้โควิดจริงๆ แล้วเราควรเรียกร้องหาความยุติธรรมได้จากใคร
นาทีนี้ยอดสะสมคนไข้เป็นแสน ทุกคนเสี่ยง แต่จริงๆแล้ว priority คืออะไร คือใคร งงไปหมดแล้ว
ตอนนี้คนหน้างานเหนื่อย สะบักสะบอมทั้งร่างกายและจิตใจเหลือเกิน ยังจะให้เขาเดินต่อไปข้างหน้าด้วยภูมิคุ้มกันที่เปราะบางนี้จริงหรือ
ตอนนี้พวกเรากำลังเฝ้าคนไข้โควิดตรงหน้า ในขณะที่ใครต่อใครกำลังได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพนั้นและคิดว่าทำไมการที่เราต้องการเพียงความปลอดภัยเพื่อที่จะไปดูแลคนไข้ต่อมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้”
บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า อีกรายโพสต์ว่า “หมดใจ หมดศรัทธา" แต่เดิมถูกละเลยอยู่แล้ว ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อคนไข้ เพราะเบื้องบนไม่เคยจะช่วยบรรเทาเหตุการณ์ที่หนักหน่วงได้เลย
ตอนนั้นคนไข้โควิดค้างในอีอาร์ 20 กว่าเคส ไหนจะเคสฝากบลาๆ เกย์ออกซิเจนหมด ทางรพ.ไม่สามารถจัดสรรมาให้ได้ทันที เราก็ต้องขอรับบริจาคมาทันทีเพราะคนไข้เรารอไม่ได้ อุปกรณ์ N95 face shield ในวอร์ดหมด พวกเราก็ต้องหาซื้อมาใช้กันเองให้ได้
จนมาวันนี้แหล่ะมันเกินไป รพ.ได้รับไฟเซอร์มาเพื่อให้บุคลากรด่านหน้าที่ต้องดูแลคนไข้โควิดต่อ กลับไม่ได้รับความยุติธรรม เมื่อรายชื่อผู้มีสิทธิ์ฉีดไฟเซอร์ออกมา รายชื่อคนด่านหน้าตกหล่น ทางรพ.ตั้งเกณฑ์ขึ้นมาใหม่โดยไม่อิงตามของทาง สธ. ทำให้วัคซีนที่นำเข้ามาเพื่อให้ด่านหน้า กลับถูกใครไม่รู้ที่ไม่เคยแม้แต่เคยเจอคนไข้โควิดหรือไม่รู้จักชุดPPEด้วยซ้ำมาสวมรอยขโมยวัคซีนไป
เมื่อตั้งคำถามกับทางผู้บริหารกลับได้คำตอบคือความเงียบ แบบนี้จะให้เราชาวด่านหน้ารู้สึกยังไง ไม่ใช่ว่าคุณไม่ควรได้รับวัคซีนนะ แต่คุณควรลำดับความสำคัญ หรือมีจิตสำนึกด้วยว่าใครควรได้ฉีดก่อนและใครรอได้ แล้วใครจะดูแลคนไข้ของเราหากบุคลากรด่านหน้าไม่มีอีกต่อไป...”