รีเซต

MFCส่งทริกเกอร์ฟันด์ดันเป้า โฟกัสหุ้นเทค-การเงินสหรัฐ

MFCส่งทริกเกอร์ฟันด์ดันเป้า โฟกัสหุ้นเทค-การเงินสหรัฐ
ทันหุ้น
11 กุมภาพันธ์ 2568 ( 11:05 )
11

#MFC#ทันหุ้น-MFC เปิดขาย กองทุน MUST2 จับจังหวะลงทุนหุ้นสหรัฐมองกำไรบริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่ง คาด EPS เติบโต 12% ในปี 68โฟกัสลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี สถาบันการเงินและกลุ่มได้ประโยชน์จากนโยบายทรัมป์ ตั้งเป้าผลตอบแทน 5% ภายใน 5 เดือน ตอบโจทย์กลุ่มที่ต้องการ “ตั้งเป้าผลตอบแทน” ท่ามกลางความผันผวนตลาด พร้อมเปิดขาย IPO ตั้งแต่ 10-19 ก.พ. 68


นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส ทริกเกอร์ ซีรีส์ 2 หรือ MUST2ซึ่งเป็นทริกเกอร์ฟันด์ เน้นลงทุนหุ้นสหรัฐ ในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีธุรกิจที่ได้เปรียบทางการแข่งขันสูง มีแนวโน้มเติบโตสูงระยะยาวและลงทุนหุ้น กลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มอื่น ๆ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เช่น การผ่อนคลายกฎหมาย, การขยายการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการทางภาษีต่อสินค้านำเข้า รวมทั้งต้องเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กำไรมีแนวโน้มเติบโตและราคาหุ้นมี Momentum ที่ดี


กองทุน MUST2 มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ หน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ (หน่วย CIS) กองทุนรวม ETF ต่างประเทศ หน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เงินฝาก เป็นต้น กองทุน MUST2 เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ 2568 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงเวลา 5 เดือนแรกได้ มูลค่าหน่วยลงทุนเป้าหมายไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก


*เป้าหมายผลตอบแทน 5%

กองทุน MUST2 คาดหวังผลตอบแทนเป้าหมายที่ระดับ 5%ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) ภายในระยะเวลา 5เดือน เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.65บาทขึ้นไป จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ซึ่งมูลค่าหน่วยลงทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติต้องไม่ต่ำกว่า 10.50บาทต่อหน่วย "จุดเด่นของกองทุน MUST2มีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตลงทุน ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุน ที่มีกังวลจากความไม่แน่นอนของนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์ ที่อาจจะมีผลทำให้ตลาดหุ้นผันผวน” นายธนโชติ กล่าว


กองทุนมีเป้าหมายจะเข้าลงทุนในหุ้นรายตัวประมาณ 30-40 ตัว ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และอาจพิจารณาลงทุนใน ETFs โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกหุ้น ที่ปัจจัยพื้นฐานดีและราคาหุ้นมี Momentum ดี ในกลุ่มเทคโนโลยีและในกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลทรัมป์ ซึ่งคัดเลือกจากหุ้น 150 แรกใน Solactive U.S. 500 Index โดยเป็นบริษัทที่สนับสนุน ตัวแทนจากพรรค Republican ในการเลือกตั้งของสหรัฐในรอบ 8ปีที่ผ่านมา


*หุ้นส่วนใหญ่แนวโน้มเติบโต

นายธนโชติ กล่าวอีกว่า บลจ.เอ็มเอฟซี มองตลาดหุ้นสหรัฐยังน่าสนใจลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐ ยังเติบโตปัจจัยเสี่ยงเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ขณะที่หุ้นสหรัฐส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี จากฐานะการเงิน และ Business Model ที่แข็งแกร่ง คาดการณ์ผลประกอบการ (Earnings) ของบริษัทในดัชนี S&P500จะเติบโต 12% ในปี 2025นอกจากนี้หุ้นสหรัฐ บางตัว มีธุรกิจที่ได้เปรียบทางการแข่งขันสูง มีแนวโน้มเติบโตสูงระยะยาวในตลาดรวมขนาดใหญ่ "ถึงแม้ตลาดหุ้นสหรัฐ จะปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนก็เติบโตเช่นกัน เห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500ในไตรมาส 4 ปี 2567 จำนวน 305 บริษัท ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยคิดเป็นกว่า 77% ของบริษัทที่รายงาน จึงเป็นอีกปัจจัยหนุนตลาดหุ้น

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง