รีเซต

ก.ล.ต. เร่งออกเกณฑ์รองรับจัดตั้งกองทุน Thai ESGX เปิดให้ยื่น เม.ย.นี้

ก.ล.ต. เร่งออกเกณฑ์รองรับจัดตั้งกองทุน Thai ESGX เปิดให้ยื่น เม.ย.นี้
ทันหุ้น
13 มีนาคม 2568 ( 17:17 )
16

#ทันหุ้น-ก.ล.ต. พร้อมดำเนินการออกเกณฑ์รองรับการจัดตั้งและจัดการกองทุน Thai ESGX ที่สอดรับกับแนวนโยบายของภาครัฐ โดยเปิดให้ บลจ. ยื่นขอจัดตั้งกองทุนรวมได้ภายในเมษายน 2568 รองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF และเงินลงทุนใหม่ ในช่วงพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2568 พร้อมเน้นย้ำ บลจ. และตัวแทนขายหน่วยลงทุน ให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลผู้ลงทุนเกี่ยวกับเงื่อนไขในการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนด 

 

ตามที่คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ร่างกฎกระทรวงฯ) ตามมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ได้แก่ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินลงทุนใหม่ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไป Thai ESGX ในช่วงเวลาที่กำหนด 2 เดือน ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด

 

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “คณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 มีมติเห็นชอบหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการจัดตั้งและจัดการ Thai ESGX ที่สอดรับกับแนวนโยบายของภาครัฐ โดย ก.ล.ต. จะเร่งเดินหน้าออกประกาศรองรับการจัดตั้งและจัดการ Thai ESGX ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) สามารถยื่นขอจัดตั้งกองทุนรวมดังกล่าวได้ภายในเดือนเมษายน 2568 เพื่อรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF และเงินลงทุนใหม่สำหรับการลงทุนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2568"

 

"นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้มีการหารือร่วมกับ บลจ. และตัวแทนขายหน่วยลงทุนทุกแห่ง เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและเน้นย้ำให้ผู้ประกอบธุรกิจให้ความสำคัญในการสื่อสารกับผู้ถือหน่วยลงทุน LTF เกี่ยวกับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่ภายใต้ Thai ESGX และหากผู้ถือหน่วยลงทุน LTF รายใดแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี บลจ. และตัวแทนขายหน่วยลงทุนจะต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขของการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ไป Thai ESGX ที่ต้องดำเนินการให้ครบทุกกองทุน ทุก บลจ. เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขในการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนดด้วย"

 

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับแนวนโยบายของภาครัฐ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบหลักการให้ Thai ESGX ลงทุนในทรัพย์สินที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนตามหลักเกณฑ์เดียวกับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ที่ต้องลงทุนในผลิตภัณฑ์กลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดย Thai ESGX ต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของ NAV รวมทั้ง ต้องเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของกองทุนรวมตามหลักเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) เพื่อที่ผู้ลงทุนจะได้รับข้อมูลที่เพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน นอกจากนี้ Thai ESGX จะได้รับสิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอจัดตั้งและแก้ไขโครงการจาก ก.ล.ต. เช่นเดียวกับ SRI Fund ด้วย*

 

สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนและเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย สำหรับผู้ลงทุนใน Thai ESGX โดยแบ่งวงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีออกเป็น 2 วงเงิน** ประกอบด้วย

 

วงเงินที่ 1 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนใน Thai ESGX ในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (วันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน)

 

วงเงินที่ 2 สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิม ที่ถือทั้งหมดใน LTF ทุกกองทุนในทุก บลจ. (ไม่รวม class หน่วยภาษีอื่นภายใต้กองทุนเดียวกัน เช่น class SSF) มาเป็นหน่วยลงทุนของ Thai ESGX ในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท โดยทยอยลดหย่อน 5 ปี ตั้งแต่ปีภาษี 2568 – 2572 ในปีแรก (2568) วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท และปีที่ 2 – 5 (2569 - 2572) วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดปีละ 50,000 บาท

 

หมายเหตุ :

* หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) กำหนดให้ บลจ. ที่บริหารจัดการ SRI Fund ต้องเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนภายใต้มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลเดียวกัน เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเปรียบเทียบข้อมูลระหว่าง SRI Fund ได้อย่างสะดวก และมีข้อมูลที่เพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงด้านการฟอกเขียว (greenwashing) โดย ก.ล.ต. ได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบด้วยค่าธรรมเนียมคำขออนุมัติจัดตั้ง 100,000 บาท ต่อกองทุนรวม และค่าธรรมเนียมคำขอแก้ไขเพิ่มเติมโครงการจัดการกองทุนรวม ไม่เกิน 5,000 บาท ต่อกองทุนรวม

 

** เงินหรือผลประโยชน์ที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี ถ้าการลงทุนเป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรประกาศกำหนด

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง