หุ้นกลุ่มเทคหนุนตลาดสหรัฐฯ เงินเฟ้อต่ำคาด นักลงทุนลุ้นปี 68 Fed ลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง

#หุ้นสหรัฐ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวผสมผสาน (S&P500 +0.49%, Dow Jones -0.20% และ Nasdaq +1.22%) หลังตัวเลขเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนมีความหวังว่า Fed จะปรับ ลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีนี้อีกทั้งตลาดยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Tesla +7.59%, Nvidia +6.42% และ Meta Platforms +2.29%
.
ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด โดยดัชนี CPI ในเดือน ก.พ. ออกมาอยู่ที่ +0.2% MoM (ตลาดคาด +0.3% MoM vs. เดือนก่อน +0.5%) หรือ +2.8% YoY และ ดัชนี Core CPI อยู่ที่ +0.2% MoM (ตลาดคาด +0.3% MoM vs. เดือนก่อน +0.4%) หรือ +3.1% YoY
ด้าน FedWatch Tool ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 60% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลง 25bps สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือน มิ.ย. และให้น้ำหนัก 41% และ 33% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งละ 25bps ในการประชุมเดือน ก.ย. และ ธ.ค.
อย่างไรก็ดี สำหรับการประชุมสัปดาห์หน้า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97% ที่คาดว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ย ที่ 4.25-4.50% เช่นเดิม ทั้งนี้ ตลาดรอประเมินการทบทวนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ และ เงินเฟ้อ และ Dot plot ของ Fed รวมทั้งการส่งสัญญาณที่อาจมีการทบทวนการชะลอหรือหยุด การทำมาตรการ Quantitative Tightening (QT) เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงิน ในช่วงที่มีความเสี่ยงเรื่องหนี้สาธารณะชนเพดานที่มีการประเมินกันว่าอาจเกิดขึ้นในช่วงกลางปี
.
Dominic LeBlanc รัฐมนตรีคลังแคนาดากล่าวว่า แคนาดาจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้า นำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่ากว่า $2 หมื่นล้าน เพื่อตอบโต้ต่อการที่ Donald Trump ประกาศเรียก เก็บภาษี 25% ต่อเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดา โดยมีการระบุเพิ่มเติมว่า ภาษีดังกล่าวจะครอบคลุมถึงเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากสหรัฐฯ รวมทั้งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา และ ผลิตภัณฑ์เหล็กหล่อ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (13 มี.ค.)
ขณะที่ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 2.75% สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ นอกจากนี้ BoC ได้ระบุว่า แม้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวสูงกว่าคาด แต่ความไม่แน่นอนที่เกิดจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการจ้างงานและการลงทุนของภาคธุรกิจ
.
Intel (INTC US) +10.4% ในช่วง After Hours หลังบริษัทประกาศแต่งตั้ง Lip-Bu Tan อดีต CEO ของ Cadence Design Systems เป็น CEO คนใหม่ มีผลตั้งแต่ 18 มีนาคม โดยมุ่งเน้นฟื้นฟูธุรกิจและเสริมความสามารถด้านการผลิตชิปของบริษัท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจาก Pat Gelsinger ถูกปลดในเดือนธันวาคม เนื่องจากแผนพลิกฟื้น Intel ประสบความล้มเหลว และทำให้บริษัทสูญเสียส่วนแบ่งตลาดไปยัง TSMC และ Nvidia
ฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ Intel ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเป็นกลางต่อ Intel และแนะนำให้รอดูความชัดเจนของแผนฟื้นฟูก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากบริษัทยังเผชิญกับปัญหาขาดทุนหนัก และความไม่แน่นอนของแผนกลยุทธ์ระยะยาว
.
Novo Nordisk (NVO US, NOVOB DC) -4.25%ในตลาดสหรัฐฯ หลัง Roche (ROG SW)ลงทุน $5.3 พันล้าน ท้าชนตลาดยาลดน้ำหนัก การแข่งขันเดือดขึ้น โดยราคาหุ้นของ Novo Nordisk ปรับตัวลดลงหลังจากที่ Roche ประกาศเข้าซื้อสิทธิ์พัฒนาและจำหน่ายยาลดน้ำหนักจาก Zealand Pharma มูลค่า $5.3พันล้าน ดีลดังกล่าวเป็นสัญญาณสำคัญว่า Roche กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดยาลดน้ำหนักอย่างเต็มตัว ซึ่งอาจทำให้ Novo Nordisk และ Eli Lilly ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
- ฝ่ายกลยุทธ์ฯ ประเมินว่า การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดยาลดน้ำหนัก โดยเฉพาะจากการที่Roche เข้าซื้อสิทธิ์ในยา Petrelintide ของ Zealand Pharma ซึ่งเป็นยา Amylin-based ที่มีลักษณะคล้ายกับ CagriSema ของ Novo Nordisk ส่งผลให้ Sentiment ระยะสั้นเป็นลบต่อตัวหุ้น Novo Nordisk โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับผลการทดลอง CagriSema ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองว่า Novo ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาด GLP-1และแม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจากคู่แข่ง แต่ Valuation ที่ปรับตัวลงมาทำให้จุดเข้าลงทุนเริ่มน่าสนใจมากขึ้น โดยยังมี Upside จากการขยายการใช้ GLP-1 ไปสู่โรคอื่น เช่น Alzheimer’s ซึ่งหากผลการทดลองออกมาดี อาจเป็นตัวเร่งสำคัญของหุ้นในอนาคต การทยอยสะสมในช่วงที่หุ้นถูกกดดันระยะสั้นจึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว
.
- Porsche AG (P911 GR) -4.32%หลังบริษัทปรับลดเป้าหมายกำไร ท่ามกลางยอดขายในจีนร่วงและดีมานด์ EV ชะลอตัว สะเทือนกลยุทธ์ระยะยาว โดย Porsche ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในปี 2024 หลังจากยอดขายในตลาดจีนลดลง และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า(EV) ในยุโรปซบเซา ส่งผลให้บริษัทปรับลดเป้าหมายอัตรากำไรจากการขาย (Return on Sales) ในระยะกลางลงเหลือ 15-17%จากเดิมที่ตั้งไว้สูงสุดถึง 19% กดดันต่อราคาหุ้น เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ Porsche ได้ประกาศ Rescaling ขนาดใหญ่ โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับโครงสร้างธุรกิจและการพัฒนาโมเดลใหม่ บริษัทลดเป้าหมายการผลิต EV และกลับมาให้ความสำคัญกับรถยนต์สันดาปและไฮบริด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
- ฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองระยะสั้นยังไม่น่าสนใจ และให้คำแนะนำเป็นกลาง เนื่องจาก Porsche AG กำลังเผชิญกับแรงกดดันทางธุรกิจหลายด้าน ซึ่งส่งผลให้บริษัทต้องปรับลดเป้าหมายอัตรากำไรและกำไรจากการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าแนวโน้มระยะยาวยังคงตั้งเป้าหมายกำไรที่มากกว่า 20%แต่ในระยะกลางบริษัทปรับลดเป้าหมายลงเหลือ 15-17% และเตือนว่าปี 2025 อาจมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่ำสุดที่ 10%
.
- Joe Tsai ประธาน Alibaba (9988 HK) ระบุว่าการประชุมของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีช่วยเสริมความเชื่อมั่นภาคเอกชน กระตุ้นให้ Alibaba เดินหน้าลงทุนใน AI โดยบริษัทประกาศแผนลงทุน 3.8 แสนล้านหยวน ($5.2 หมื่นล้าน) ในระบบคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน AI ใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นโครงการคอมพิวติ้งที่ใหญ่ที่สุดของจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากเอกชน โดย Tsai เชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มรายได้จากโฆษณาและสนับสนุนการวิจัยในภาคการเงิน ขณะที่การบริโภคภายในประเทศมีความสำคัญมากขึ้น หลังการขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐฯ กดดันการค้าระหว่างประเทศ
.
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้: ยุโรป Industrial Production เดือน ม.ค. (ตลาดคาด +0.7% YoY vs. เดือนก่อน -1.1%) และ สหรัฐฯ PPI เดือน ก.พ. (ตลาดคาด +0.3% MoM vs. เดือนก่อน +0.4%)
- ติดตามรายงานผลประกอบการฯ วันนี้: Ulta Beauty (ตลาดคาดรายได้และ EPS -2.8% และ -12.1% YoY ตามลำดับ) และ Dollar General (ตลาดคาดรายได้และ EPS +4.02% และ -18.09% YoY ตามลำดับ)