รีเซต

คลัง คาดปีแรกใช้สิทธิ์รถอีวี แตะ 3 พันล. แจงสิทธิ์ต่างจากรถคันแรก ไม่ได้คืนเงินสดให้คนซื้อ แค่ซื้อรถถูกลง

คลัง คาดปีแรกใช้สิทธิ์รถอีวี แตะ 3 พันล. แจงสิทธิ์ต่างจากรถคันแรก ไม่ได้คืนเงินสดให้คนซื้อ แค่ซื้อรถถูกลง
ข่าวสด
17 กุมภาพันธ์ 2565 ( 15:01 )
51
คลัง คาดปีแรกใช้สิทธิ์รถอีวี แตะ 3 พันล. แจงสิทธิ์ต่างจากรถคันแรก ไม่ได้คืนเงินสดให้คนซื้อ แค่ซื้อรถถูกลง

ข่าววันนี้ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังกล่าวว่า นโยบายเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นั้น กรมสรรพสามิตได้ดำเนินการตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถอีวีของภูมิภาค โดยเป้าหมายในปี ค.ศ. 2030 ประเทศไทยจะต้องผลิตรถยนต์อีวีให้ได้ 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในประเทศ

 

สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวีในประเทศนั้น มีการสนับสนุนในเรื่องการลดราคาขายตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่คันละ 7 หมื่นบาท - 1.5 แสนบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าปีแรกจะมีผู้มาใช้สิทธิ์รวมกันเป็นวงเงิน 3 พันล้านบาท แต่หากมีการขอมาเกินวงเงินดังกล่าว ก็พร้อมขยายวงเงินให้ เพราะไม่ได้มีการจำกัดวงเงินไว้

 

ทั้งนี้ ขั้นตอนการอุดหนุนไม่เหมือนกับโครงการรถคันแรกที่ให้เงินส่วนลดโดยตรงกับผู้ซื้อรถยนต์ แต่การลดราคารถยนต์อีวีตามนโยบายรัฐบาลครั้งนี้จะให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งต้องมาทำสัญญากับกรมสรรพสามิต โดยต้องมีการสำแดงราคาต้นทุนที่แท้จริง ว่ารถยนต์ที่ขายในกรณีที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ เพื่อที่กรมสรรพสามิตจะได้ตรวจสอบได้ว่าส่วนลดที่ให้ไป ผู้ประกอบการมีการนำไปลดราคาขายปลีกให้กับผู้ซื้อรถยนต์อย่างแท้จริง

 

"การจ่ายเงินส่วนลดให้ผู้ประกอบการนั้น ผู้ประกอบการจะต้องขายรถยนต์อีวีออกไปก่อน หลังจากนั้นผู้ประกอบการจะต้องรายงานมายังกรมสรรพสามิตทุกไตรมาสว่าได้ทำการขายรถยนต์อีวีไปจำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่กรมฯ จะได้จ่ายเงินอุดหนุนให้ผู้ประกอบการเป็นรายไตรมาส โดยเบื้องต้นคาดว่ากรมฯ น่าจะเริ่มทำสัญญากับผู้ประกอบการได้ในเดือน มี.ค. 2565" นายลวรณ กล่าว

 

นายลวรณ กล่าวอีกว่า มาตรการสนับสนุนรถยนต์อีวีในประเทศ จะดำเนินการในช่วง 2 ปีแรก หลังจากนั้นจะไม่ได้รับการอุดหนุน แต่ค่ายรถยนต์จะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศให้ได้ตามเงื่อนไขและจำนวนที่ได้ขายไปในช่วงที่ได้รับการสนับสนุน หากค่ายรถยนต์ไม่ทำตามสัญญาก็จะมีบทลงโทษ มีค่าปรับ เป็นต้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง