รีเซต

S&P 500 คืออะไร? ลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัย

S&P 500 คืออะไร? ลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัย
TNN ช่อง16
29 กรกฎาคม 2568 ( 20:25 )
21

สินทรัพย์หนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจในแวดวงนักลงทุนไทยเวลานี้ หนีไม่พ้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนี   S&P 500 ที่เป็นที่พูดถึงมากขึ้น ที่พิสูจน์ตัวเองมาหลายครั้ง หลายวิกฤติ แม้กระทั่งล่าสุดที่เจอสงครามการค้า ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ประกาศ Liberation Day หรือวันปลดแอกสหรัฐฯ ด้วยมาตรการภาษีตอบโต้หรือ   Reciprocal Tariffs   กับคู่ค้าทุกประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดการเงินการลงทุนทั่วโลกปั่นป่วนอย่างหนัก รวมถึง S&P 500 ที่ตลาดมองว่าปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว และทำสถิติ All Time High มาหลายปี ก็น่าจะถึงเวลาเข้าสู่ขาลงเสียที   แต่กาลกลับไม่เป็นเช่นนั้นสิครับ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายดัชนี S&P 500 ก็กลับมาทำ New High อีกครั้ง 

ไม่แปลกที่นักลงทุนไทยจะเริ่มมองหาโอกาสการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเองยังไร้ทิศทาง S&P 500 ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่พิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่าจะสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาวได้แน่

ส่วนตัวผมเองก็มองเห็น เป็นจริงตามนั้นครับ ที่ผมเชื่อในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่เพราะฐานะที่เป็นตลาดใหญ่และสำคัญที่สุดของโลก แต่การออกไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังช่วยกระจายการลงทุนของคุณให้กว้างไกลมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดหนึ่งตลาดใดได้   

นอกจากนี้ปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจเรื่องการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับการลงทุนเองก็เข้าถึงง่าย เพราะเครื่องมือการลงทุนต่างๆ ถูกพัฒนาอย่างหลากหลาย ทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใด ไม่เว้นแม้แต่เทรนด์ฮิตอย่าง S&P500 ETF ก็ได้เช่นกัน

ทำไมดัชนีนี้ถึงดึงดูดใจนักลงทุนทั่วโลก  วันนี้ผมจะพาไปทำความรู้จัก S&P 500 ดัชนีที่เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ พร้อมวิธีลงทุนที่สะดวก และเหมาะกับคนไทยทั้งมือใหม่และมือเก๋ากันเลยครับ   

S&P 500 ย่อมาจาก Standard & Poor's 500 คือ ดัชนีตลาดหุ้น (Stock Market Index) ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานโดยรวมของ บริษัทมหาชนขนาดใหญ่ที่สุด 500 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ซึ่งครอบคลุมหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น เทคโนโลยี การเงิน บริการสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

เปรียบเสมือน ‘ตัวชี้วัด’ สุขภาพและความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในภาพรวม เพราะหุ้นทั้ง 500 บริษัทนี้มีมูลค่ารวมกันคิดเป็นประมาณ 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นทั้งหมดในสหรัฐฯ ครอบคลุมหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เปรียบเสมือน ‘ตัวชี้วัด’ สุขภาพและความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในภาพรวม เนื่องจากหุ้นทั้ง 500 บริษัทนี้มีมูลค่ารวมกันคิดเป็นประมาณ 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นทั้งหมดในสหรัฐฯ

สำหรับข้อดีของการลงทุนใน S&P 500  มีจุดเด่นที่สำคัญหลายข้อ ได้แก่

  • กระจายความเสี่ยงดี เพราะลงทุนในบริษัทชั้นนำกว่า 500 บริษัท จากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
  • ผลตอบแทนระยะยาวสูง โดยผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวย้อนหลังประมาณ 9-10% ต่อปี
  • ค่าธรรมเนียมและเงินลงทุนเริ่มต้นต่ำ เมื่อลงทุนผ่าน ETF หรือกองทุนดัชนี
  • ความโปร่งใสและสภาพคล่องสูง นักลงทุนสามารถซื้อและขายได้สะดวก อีกทั้งเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นเข้าดัชนีก็มีความโปร่งใสและชัดเจน

สำหรับผลตอบแทนย้อนหลังของ S&P 500 แม้ผลตอบแทนในอดีตจะไม่ใช่เครื่องการันตีอนาคต แต่ในระยะยาว S&P 500 มีประวัติศาสตร์การสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจ   โดยผลตอบแทนเฉลี่ยระยะ 10 ปีที่ผ่านมา (2014-2024) อยู่ที่ประมาณ 12.2% ต่อปี และหากมองย้อนหลังไปช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ดัชนีมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10.5% ต่อปีเลยทีเดียว    ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความมั่นคงและการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้อย่างชัดเจน (อ้างอิงจาก Macrotrends)

มุมมองที่น่าสนใจของการลงทุน S&P 500 ในปัจจุบันนั้น จะพบว่าไม่ว่ากี่ปีก็ตาม S&P 500 ก็ยังคงเป็นที่นิยมจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังวิกฤติ Covid-19 และการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Apple Microsoft และ Amazon ซึ่งมีสัดส่วนสำคัญในดัชนี ทำให้ S&P 500 ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีในการลงทุนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน

หากคุณถามว่า S&P 500 เหมาะกับใคร? ผมก็บอกได้เลยว่า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว อย่างน้อย 5-10 ปีขึ้นไป  รับความเสี่ยงได้ และมองหาโอกาสเติบโตที่สม่ำเสมอ และที่สำคัญคือไม่ต้องการเสียเวลาวิเคราะห์หุ้นรายตัว แต่ต้องการลงทุนในหุ้นชั้นนำในสหรัฐฯ ก็สามารถลงทุนผ่านดัชนีได้เลยครับ

ปัจจุบันนักลงทุนสามารถเข้าถึงดัชนี S&P 500 ได้ง่ายกว่าเดิมผ่านการลงทุนในกองทุน ETF หรือกองทุนรวมดัชนี (Index Funds) ซึ่งมีต้นทุนต่ำ และสามารถซื้อขายได้ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ทั่วไป 

ผมขอตัวอย่าง ETF ที่น่าสนใจ ได้แก่ iShares Core S&P 500 ETF (IVV), SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY) และ Vanguard S&P 500 ETF (VOO)

ที่ Jitta Wealth เองก็มีทางเลือกที่ช่วยนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน S&P 500 ได้อย่างสะดวก สบายใจ ผ่านนโยบาย Thematic DIY โดยเลือกธีม ‘ตลาดหุ้นสหรัฐฯ’ ที่ลงทุนใน iShares Core S&P 500 ETF (IVV) ที่อ้างอิงดัชนี S&P 500 โดยตรง   หรือหากคุณต้องการกระจายความเสี่ยงที่มากขึ้น เพื่อให้เซฟๆ และปลอดภัยต่อความผันผวนก็สามารถเลือกลงทุนในนโยบาย Global ETF ที่จะลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นชั้นนำทั่วโลก ร่วมกับ ตราสารหนี้สหรัฐฯ ซึ่งจัดพอร์ตมาให้แล้วตามหลักการระดับโลกอย่าง Modern Portfolio Theory   

ดัชนี S&P 500 ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างล้นหลามในหมู่นักลงทุนทั่วโลก ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นตัวเลขที่ปรากฏในข่าวเศรษฐกิจทุกวัน แต่ด้วยเหตุผลหลากหลายประการที่ทำให้ดัชนีนี้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ  

แต่อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอนะครับ ไม่ว่าสินทรัพย์ใดจะเป็นขาขึ้นยาวนานเพียงใด ก็ต้องมีขาลงเช่นกันครับ การรู้จัก S&P 500  อย่างเดียวคงไม่พอ ลงทุนอย่างไรให้พอร์ตปลอดภัยน่าจะสำคัญกว่า ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากแนะนำ หากคุณต้องการลงทุนใน S&P 500 ตามกระแสสุดฮิตตอนนี้ก็คือ การจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะหลักการจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite ยังเป็นหัวใจสำคัญที่จะพาพอร์ตของคุณให้รอดปลอดภัย โดย Core Port หรือพอร์ตหลักควรเน้นลงทุนกระจายในสินทรัพย์ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำและสามารถสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ สัดส่วนอยู่ที่ 80% จะปลอดภัยครับ และ 20% เป็น Satellite Port ที่จะเป็นพอร์ตที่ทำกำไรให้พอร์ตเติบโตได้เร็วขึ้น ผ่านสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูงขึ้น  

ในช่วงที่ตลาดขาขึ้นอาจจะหอมหวานชวนลงทุน แต่หากคุณต้องการให้พอร์ตเติบได้ได้อย่างปลอดภัยในระยะยาวครับ  คุณต้องมีสติ ไม่ทุ่มสุดตัวในสินทรัพย์หนึ่งสินทรัพย์ใดจนหมดหน้าตัก เพราะคุณคงรู้ดีว่าไม่ว่าตลาดไหนจะขึ้นไปทำสถิติอย่างไร ก็ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยให้พอร์ตคุณได้ แต่การจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite   เป็นเคล็ดลับที่คุณสามารถนำไปใช้กับทุกๆ สินทรัพย์ที่คุณเลือกลงทุนที่ผมพิสูจน์มาแล้วว่าสร้างสมดุลให้พอร์ตได้จริงทุกสถานการณ์ เช่นเดียวกับ  S&P 500 ที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า 

ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนในตลาดใดหรือสินทรัพย์ใด ไม่ว่าจะทำสถิติ  All Time High มากี่ครั้ง แต่ผมก็เชื่อว่าคุณอยากเห็นเงินต้นของคุณยังอยู่ครบ จริงไหมครับ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง