"สตาร์บัคส์" ปิดสาขา-เลิกจ้างพนักงาน 900 คน ในอเมริกาเหนือ

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สตาร์บัคส์ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจเครื่องดื่มกาแฟสัญชาติอเมริกัน ประกาศเดินหน้าแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์หลังเผชิญยอดขายที่ลดลงต่อเนื่องถึง 6 ไตรมาสติดต่อกันในตลาดสหรัฐอเมริกา
แผนดังกล่าวครอบคลุมการปิดสาขาที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมในอเมริกาเหนือ ซึ่งคาดว่าจะทำให้จำนวนร้านสาขาที่บริษัทดำเนินการเองลดลงราวร้อยละ 1 ภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ จากจำนวนสาขาที่ดำเนินการทั้งสิ้นราว 18,734 แห่งในสหรัฐและแคนาดา โดยบริษัทประเมินว่าจะเหลืออยู่ใกล้เคียง 18,300 แห่ง
ในขณะเดียวกัน สตาร์บัคส์ เตรียมปลดพนักงานกว่า 900 ตำแหน่ง โดยเฉพาะในฝ่ายสนับสนุนและตำแหน่งงานที่เปิดไว้แต่ยังไม่ได้บรรจุ ซึ่งนับเป็นการปรับลดบุคลากรครั้งสำคัญ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ประกาศตัดตำแหน่งงานระดับองค์กรแล้วกว่า 1,100 ตำแหน่ง และแม้จะมีการปรับลด แต่บริษัทก็ได้ปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานเงินเดือนประจำในอเมริกาเหนือราวร้อยละ 2 เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ไบรอัน นิคโคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในปีแรก ระบุว่า สาเหตุหลักของการปิดสาขาและปรับลดพนักงาน มาจากการทบทวนแล้วพบว่าสาขาบางแห่งไม่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ลูกค้าและพนักงานคาดหวังได้ รวมทั้งไม่เห็นแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนทางการเงินที่ยั่งยืน
ซีอีโอคนใหม่นี้ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นธุรกิจเชนอาหารเม็กซิกัน "ชิโปเติล เม็กซิกัน กริลล์" มาก่อน โดยกลยุทธ์ของเขามุ่งเน้นการลงทุนในร้านสตาร์บัคส์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการ ลดเวลารอคอย และสร้างบรรยากาศการดื่มกาแฟที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ ยังประกาศเดินหน้าลงทุนด้านเทคโนโลยีและการจัดการบุคลากรในร้าน เพื่อยกระดับการทำงานของบาริสต้าและระบบสั่งซื้อให้มีความรวดเร็ว แม่นยำ และสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า
ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นรายใหม่และพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปเลือกสรรสินค้าราคาที่เหมาะสมกว่า การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่นี้จึงถูกจับตามองว่า จะสามารถช่วยสตาร์บัคส์กลับมาสร้างการเติบโตและรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดกาแฟระดับโลกได้หรือไม่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
