สหรัฐฯ เดินหน้าคำสั่งตรวจโซเชียลมีเดียนักเรียนต่างชาติขอวีซาเข้าสหรัฐฯ

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (18 มิถุนายน) ว่ากำลังเริ่มกระบวนการ “ระงับ” ชาวต่างชาติที่ยื่นขอวีซ่านักเรียนอีกครั้ง โดยนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ผู้สมัครทุกคนจะต้องปลดล็อกบัญชีโซเชียลมีเดียของตนเองให้เป็นสาธารณะ เพื่อรับการตรวจสอบจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะเป็นไปอย่างครอบคลุมและถี่ถ้วน

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่าเจ้าหน้าที่สถานกงสุลจะทำการตรวจสอบโพสต์และข้อความต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดียของผู้ขอรับวีซาว่าเข้าข่ายเป็นศัตรูกับรัฐบาล วัฒนธรรม หรือ สถาบันต่าง ๆ ของสหรัฐฯ หรือไม่ โดยที่ผู้สมัครจะต้องตั้งค่าบัญชีโซเชียลมีเดียของตนเองให้เป็น “สาธารณะ” และตั้งค่าให้สามารถตรวจสอบได้ ไม่เช่นนั้นทางการสหรัฐฯ จะถือว่าบุคคลเหล่านี้กำลังพยายามหลบเลี่ยงข้อกําหนดหรือซ่อนกิจกรรมออนไลน์ของพวกเขาที่อาจเป็นภัยต่อสหรัฐฯ

ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วฝ่ายบริหารของทรัมป์สั่งการให้สถานกงสุลทั่วโลกหยุดสัมภาษณ์ผู้ขอวีซานักเรียนสำหรับเข้ามาในสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่ากำลังเตรียมการสำหรับการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของพวกเขา

นักศึกษาปริญญาเอก อายุ 27 ปี คนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักศึกษาสัญชาติจีนผู้ที่อาศัยในนครโทรอนโตของแคนาดา กล่าวว่า เธอรู้สึกโล่งใจที่ได้นัดสัมภาษณ์วีซาในสัปดาห์หน้า หลังจากในช่วงที่ผ่านมาเธอเข้าไปกดรีเฟรชเว็บไซต์เพื่อรอดูอัพเดทการนัดหมายสัมภาษณ์วีซาของเธออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเธอหวังว่าจะ “ผ่าน” การสัมภาษณ์วีซาและสามารถเดินทางเพื่อไปฝึกงานด้านการวิจัยที่จะเริ่มในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมได้ แต่เธอยังมีความกังวลว่านโยบายปราบปรามนักศึกษาต่างชาติของทรัมป์โดยเฉพาะในหมู่นักศึกษาชาวจีนจะทำให้เธอตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลสหรัฐฯ

ในขณะที่อีก 36 ประเทศ ที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ขู่ว่าอาจจะถูกห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ มีรายงานว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ส่งคำเตือนไปถึง 36 ประเทศนี้ให้ปรับปรุงมาตรการคัดกรองและตรวจสอบผู้เดินทางให้มีความเข้มงวดมากกว่าเดิม ไม่เช่นนั้นพลเมืองของตนจะถูกแบนห้ามเข้าสหรัฐฯ ในที่สุด ซึ่งแต่ละประเทศมีเวลา 60 วันในการตอบสนองต่อข้อกังวลนี้ของสหรัฐฯ