คณบดีคณะแพทย์ รพ.รามาฯ ออกสารให้กำลังใจ อจ.หมอชี้ แม้สถานการณ์เกินรับไหว ต้องสู้ต่อไป
เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในไทย ณ ขณะนี้มีแต่ความน่าเป็นห่วง ขณะที่วันนี้เอง (27 มิถุนายน) นพ.สุรเวช น้ำหอม อาจารย์ประจำสาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผย สารคณบดี จาก ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ส่งถึงบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน เพื่อบอกสถานการณ์ พร้อมให้กำลังใจ และสั่งการให้มีการปรับลดความแออัดในส่วนงานที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้
เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า ทุกฝ่ายตระหนักในความน่ากังวลของสถานการณ์ และพยายามอย่างเต็มที่ในการเร่งรัดฉีดวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้า บุคคลกลุ่มเสี่ยง และประชาชน พร้อมๆ กับการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพให้ได้เพิ่มขึ้นโดยเร็ว
“ผมทราบว่าผู้เกี่ยวข้องตระหนักดีในปัญหาและข้อห่วงใยของสังคมต่อวัคซีนและชนิด ซึ่งมีการนำข้อมูลทางวิชาการมากำหนดแนวทางการจัดหาวัคซีน ภายใต้ข้อห่วงใยเหล่านี้ แม้จะยังมีข้อจำกัดในการจัดหาวัคซีนที่ผู้บริหารยังต้องเร่งหาทางแก้ไขอยู่ก็ตาม
“แม้จะมีข้อห่วงใยต่างๆ แต่ผมขอเรียนยืนยันว่าการฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นซิโนแวค หรือแอสตร้าเซนเนก้า ยังคงเป็นวิธีการสำคัญในการป้องกันโควิด-19 และการลดอัตราการป่วยหนักและการตายจากโรคนี้ได้เป็นอย่างดี
“ช่วง 1 เดือนข้างหน้า ขอให้บุคลากรของคณะที่โดยบทบาทหน้าที่สามารถปฏิบัติงานจากที่บ้านได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้ป่วย การเรียนการสอน หรือการดำเนินงานอื่นของคณะ กรุณาปฏิบัติงานจากที่บ้านอย่างเต็มที่
“ขอขอบคุณบุคลากรทุกฝ่าย ทุกบทบาทที่ทำงานอย่างหนักในสถานการณ์นี้ และขอขอบคุณในความเข้าใจ และความร่วมมือในการปรับตัวของพวกเราชาวรามาธิบดีทุกคน ความร่วมมือเช่นนี้คือพลังที่จะช่วยให้เราฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน”
ขณะที่ นพ.สุรเวช ระบุว่า วันนี้ท่านคณบดีมีสารส่งให้กำลังใจแก่บุคลากรทุกคนที่รามาธิบดีครับ มีใจความกล่าวถึงการระบาดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลถึงจุดที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก (ตรงนี้หมอคิดว่า ไม่ว่าจะมีข่าวออกมาว่ายังมีเตียงพอเพียงจะรับคนไข้ใหม่ได้อย่างไรก็ตาม แต่คนที่ทำงานที่โรงพยาบาลทุกคนรู้ดีว่า จำนวนคนไข้และจำนวนผู้ติดเชื้อ มากเกินกว่าที่แพทย์และพยาบาลจะรับมือไหวแล้ว)
“แต่บุคลากรทางการแพทย์เราก็ยังต้องสู้ต่อไป การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องจำเป็นไม่ว่าจะเป็นตัวไหนก็ตาม ในแง่การทำงานก็ต้องทั้งระวังและไปต่อ ทุกหน่วยงานจึงต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ ทั้งการให้บริการและการดูแลตัวเอง เพราะจำนวนการติดเชื้อของบุคลากรเองก็มีรวมถึงการสูญเสียด้วย
“สำหรับหมอเองสิ่งที่ช่วยได้ ก็มีเรื่องเคสการรักษาที่ไม่รีบด่วน จะอาศัยการปรึกษาดูแลผ่านระบบ telemedicine และการผ่าตัดที่ไม่รีบด่วนก็ต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทรัพยากรทุกอย่างเราทุ่มให้กับการรักษาและป้องกันโควิดท่าที่จะทำได้แล้ว ให้ทำมากกว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีก
“เราทุกคนบอบช้ำและได้ผลกระทบจากการระบาดครั้งนี้อย่างหนัก เราทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ แม้จะมีความสับสนไม่แน่นอนตลอดเวลา
“การระบาดจะสิ้นสุดเมื่อไรก็ไม่มีใครทราบ แต่ขอนโยบายและทิศทางการทำงานจากผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ ในทางที่เป็นไปได้และอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลจริงและการรับฟังคนทำงานจริงด้วยนะครับ”