รีเซต

'เฉลิมชัย' มอบ 'อลงกรณ์' ล่องใต้ หนุนชุมพรเป็นฮับผลไม้ภาคใต้ มั่นใจรถไฟจีน-ลาว ช่วยเพิ่มส่งออก

'เฉลิมชัย' มอบ 'อลงกรณ์' ล่องใต้ หนุนชุมพรเป็นฮับผลไม้ภาคใต้ มั่นใจรถไฟจีน-ลาว ช่วยเพิ่มส่งออก
มติชน
23 มกราคม 2565 ( 19:14 )
96

เมื่อวันที่ 23 มกราคม นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีปล่อยกุ้งก้ามกรามและสัตว์น้ำคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ 1 ล้าน 5 แสนตัว ณ คลองนาคราช ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร จัดโดยกรมประมง เพื่อเพิ่มแหล่งอาหาร สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้แก่ชาวประมง และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมทั้งเป็นการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำและคืนความหลากหลายของชนิดสัตว์น้ำ ทำให้เกิดความสมดุลตามธรรมชาติของระบบนิเวศ โดยมีนายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง นำเยี่ยมชมบูธพร้อมทั้งบรรยายสรุปสถานการณ์การทำประมงในพื้นที่

 

นอกจากนี้ ยังมีนายสราวุธ อ่อนละมัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ชุมพร เขต2 นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ นายอิสรพงษ์ มากอำไพ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ชุมพร เขต1 นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอเมือง สมาขิกสภา อบจ. นายก อบต.และกำนันตำบลตากแดด ร่วมด้วยส่วนราชการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน อสม. ครู นักเรียน ในพื้นที่ให้การต้อนรับ

 

พร้อมกันนี้ นายอลงกรณ์ยังได้ติดตามความคืบหน้าของการพัฒนาระบบชลประทานเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค รวมทั้งโครงการป้องกันอุทกภัยของ จ.ชุมพร ซึ่งดำเนินการโดยกรมชลประทานและหน่วยงานอื่นๆ โดยใช้งบประมาณกว่า 3 พันล้านบาท โดยจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2567 เพื่อแกัปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากหลายปีติดต่อกัน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับชุมพรตลอดมา ซึ่ง ส.ส.มีส่วนสำคัญในการประสานงานอย่างต่อเนื่องกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว

 

 

นายอลงกรณ์กล่าวระหว่างพิธีเปิดว่า ชุมพรเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงมาก มีรายได้ต่อหัวของประชากรกว่า 2 แสนบาทต่อปี อยู่ในกลุ่มท็อป 20 ของประเทศ ทั้งนี้ นายเฉลิมชัยมีนโยบายที่จะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ปี 2565 เป็นกว่า 1 แสนล้านบาท โดยมีภาคเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญซึ่งมีพืชเศรษฐกิจหลักทำรายได้ให้จังหวัด เช่น ทุเรียน ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มะพร้าว และและกาแฟโรบัสต้า รวมทั้งเศรษฐกิจภาคบริการด้านการท่องเที่ยว จึงได้วางนโยบายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชุมพรให้ก้าวสู่เป้าหมายใหม่ของการพัฒนาอย่างน้อยใน 3 ด้าน

 

1.นโยบายพัฒนาชุมพรเป็นมหานครผลไม้ภาคใต้เช่นเดียวกับจันทบุรีในภาคตะวันออก ซึ่งการส่งออกผลไม้ของไทยกำลังเติบโดยอย่างรวดเร็วในปี 2564 เพียง 11 เดือน เราส่งออกผลไม้คิดเป็นมูลค่า 1.5 แสนล้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นปีแรกที่ทุเรียนส่งออกได้เกิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งชุมพรเป็นจังหวัดที่ผลิตทุเรียนได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยเฉพาะการเปิดเส้นทางขนส่งผลไม้ทางรถไฟสายจีน-ลาวจะเพิ่มการส่งออกผลไม้ได้มากขึ้นในปีนี้ จึงต้องเร่งยกระดับการพัฒนาชุมพรเป็นฮับผลไม้ภาคใต้

 

2.นโยบายพัฒนาชุมพรเป็นฮับกาแฟโรบัสต้าของประเทศ โดยสร้างแบรนด์สร้างมูลค่ากาแฟโรบัสต้าที่ชุมพรผลิตได้มากเป็นอันดับ 1 สู่ าแฟมูลค่าสูงทั้งตลาดในและต่างประเทศ เพราะตลาดกาแฟกำลังขยายตัวเติบโตทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง จะพัฒนาคู่ขนานกับกาแฟอาราบิก้าของภาคเหนือ

 

และ 3.นโยบายพัฒนาชุมพรเป็นประตูท่องเที่ยวเกตเวย์ทะเลใต้ เพราะนอกจากชุมพรเป็นประตูสู่ภาคใต้แล้วยังมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทางทะเล มีท่าเรือบริการเชื่อมเกาะและหมู่เกาะในอ่าวไทย เช่น เกาะสมุยและหมู่เกาะอ่างทอง โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติชุมพรมีเกาะกว่า 40 เกาะ เช่น เกาะทะลุ เกาะงามใหญ่ เกาะง่ามน้อย เกาะลังกาจิว ถือเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เราต้องเตรียมความพร้อมรองรับโอกาสทันทีที่วิกฤติโควิดคลี่คลายและนักท่องเที่ยวกลับมา

 

“นายเฉลิมชัย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุมพรทุกคน พร้อมสนับสนุนชุมพรในทุกด้านเพื่อยกระดับรายได้ และคุณภาพชีวิตของประชาชน” นายอลงกรณ์กล่าว

หลังจากนั้น นายอลงกรณ์ และคณะได้ลงพื้นที่สำรวจศักยภาพของชุมพรในฐานะฮับผลไม้ภาคใต้และติดตามสถานการณ์การส่งออกทุเรียนปลายฤดู ณ ตลาดกลางผักและผลไม้ตลาดมรกต ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยพบปะหารือกับผู้ประกอบการเพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค และเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลผลิตต่อไป

 

พร้อมกันนี้ได้เข้าเยี่ยมชมผู้ประกอบการห้องเย็นครบวงจรขนาดใหญ่ มาตรฐานส่งออก ซึ่งมีการนำระบบไนโตรเจนเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยืดอายุการจัดเก็บและรักษารสชาติทุเรียนผลสด รวมถึงทุเรียนเนื้อแกะเมล็ดด้วยไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิลบ 190 องศา จะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาทุเรียนเน่าเสียหาย เพราะการขนส่งที่ติดขัดของด่านต่างๆ จากมาตรการ Zero Covid ของจีน นอกจากนี้ ยังสามารถเก็บสต๊อกทุเรียนและผลไม้อื่นๆ ที่ทะลักออกมามากพร้อมกันโดยแช่แข็งเก็บไว้ได้นานถึง 18 เดือน เพื่อรอระบายสู่ตลาดในและต่างประเทศ ทั้งยังคงสภาพความสดอร่อยได้เกือบเทียบเท่าผลสดอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง