รีเซต

โบรกเกอร์เชื่อล็อกดาวน์รอบนี้ ดัชนีที่ 1,500 จุดรับอยู่

โบรกเกอร์เชื่อล็อกดาวน์รอบนี้ ดัชนีที่ 1,500 จุดรับอยู่
TNN Wealth
9 กรกฎาคม 2564 ( 13:54 )
60
โบรกเกอร์เชื่อล็อกดาวน์รอบนี้ ดัชนีที่ 1,500 จุดรับอยู่

ข่าววันนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) เรียกประชุมด่วนแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อพิจารณามาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 4 โดยมีความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่บางจุด หลังจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 9,276 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 72 ราย


นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า หากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ออกมาตรการคุมเข้มสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในประเทศ เชื่อว่าน่าจะเป็นการล็อกดาวน์เฉพาะจุด หรือล็อกดาวน์บางส่วนเท่านั้น ซึ่งเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงตอบรับไปบางส่วนแล้ว ดังนั้นจึงเชื่อว่าระดับดัชนีที่ประมาณ 1,530 จุด เป็นระดับที่เข้าไปสะสมหุ้นได้ แต่ให้ทยอยเข้าลงทุนแบ่งเป็นไม้ ๆ ซึ่งดัชนียังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขาลง แต่เชื่อว่าระดับแนวรับสำคัญที่ 1,500 จุด สามารถรับอยู่


“หากเปรียบเทียบกับการประกาศล็อกดาวน์รอบแรก  ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลง 5 เดือน ร่วงลง 250 จุด ขณะที่การล็อกดาวน์รอบที่สองที่ประกาศล็อกดาวน์บางพื้นที่ ดัชนีลดลงประมาณ 100 จุด ผันผวนประมาณ 1 เดือน เชื่อว่ารอบนี้น่าศบค.น่าจะประกาศล็อกดาวน์บางพื้นที่ ประกอบกับมีการฉีดวัคซีนแล้ว คาดว่าดัชนีจะซิกแซกลงประมาณ 100 จุด หรือแนวรับประมาณ 1,500 จุด” นายอภิชาต กล่าว 


นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่าสถานการณ์โควิด-19ภายในประเทศรุนแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้ภาครัฐฯเตรียมออกมาตรการเข้มงวดเพิ่มเติม  โดยเบื้องต้น ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ EOC ของกระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอให้มีการจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด การห้ามออกเคหะสถาน โดยให้ออกเท่าที่จำเป็น เช่น ออกไปพบแพทย์ ฉีดวัคซีน ซื้ออาหาร และปิดสถานที่เสี่ยงทั้งหมดเพื่องดการทำกิจกรรมร่วมกัน ยกเว้นตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต และให้ Work From Home เป็นเวลา 14 วัน ซึ่งมาตรการในครั้งนี้จะเข้มงวดใกล้เคียงกับกการล็อกดาวน์ครั้งแรก  ในช่วงเดือนเม.ย. 2563 สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะหยุดชะงักอีกครั้ง เป็นแรงถ่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย


โดยมองแนวรับแรกที่บริเวณ 1,530-1,500 จุด เป็นจุดที่เริ่ม Selective รายตัว เน้นกลุ่ม Earnings ดี กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า(ชิ้นส่วน-อาหาร KCE HANA TU ASIAN) กลุ่มสื่อสารฯ(ADVANC) กลุ่มโรงพยาบาล(BDMS, BCH, CHG, EKH) กลุ่มโรงไฟฟ้า(GPSC) และหุ้นที่มีปันผลระหว่างกาล(TVO) ขณะที่คงน้ำหนักการลงทุนที่ 50%


บล.เคทีบีเอสที ประเมินว่าการออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดมากขึ้น จะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทย แม้ว่ามาตรการรอบนี้มีความเข้มงวดน้อยกว่าช่วง เม.ย. 2563 ที่มีการล็อคดาวน์ เพราะมาตรการที่จะเกิดขึ้นครอบคลุมแค่ 6 จังหวัด จากรอบก่อนที่ครอบคลุมทั้งประเทศ และไม่มีการปิดห้างฯแต่เป็นการจำกัดเวลาเปิด-ปิดแทน

 

ประเมินว่าหุ้นที่จะมีโอกาส Underperform มากสุด ได้แก่ AAV จากจำนวนผู้โดยสารจะฟื้นตัวช้ากว่าคาด ซึ่งเดิมเริ่มมีความหวังจะเริ่มฟื้นตัว, ERW การท่องเที่ยวในประเทศจะฟื้นตัวช้ากว่าเดิม และ KBANK มีสินเชื่อเที่ยวกับภาคการท่องเที่ยวและ SME ที่จะได้รับผลกระทบมากสุด

 

หุ้นที่จะได้รับผลบวกจากมาตรการดังกล่าว และมีโอกาส Outperform มากสุด ได้แก่ BCH จากการเป็นหนึ่งใน โรงพยาบาลหลักในการรักษาผู้ป่วยโควิดใน กทม. และ ปริมณฑล มากสุด และ COM7 จากการขายสินค้า IT สำหรับ work from home เพิ่มมากขึ้น

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง