ชาวอเมริกันอาจต้องกลับไปสวมหน้ากากจากโควิด Delta ระบาดสูงขึ้น
TNN World
1 กรกฎาคม 2564 ( 12:46 )
260
ข่าววันนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐฯเพิ่งประกาศว่าไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย แม้ในอาคาร แต่ล่าสุด อาจต้องกลับมาพิจารณาเรื่องนี้กันใหม่แล้ว เพราะกำลังเจอการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ Delta
โควิด Delta เป็นเหตุ
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กรมควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ออกคำแนะนำว่า ประชาชนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 โดสแล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย แม้กระทั่งในอาคาร นับเป็นข้อแนะนำที่ชาวอเมริกันต่างยินดี ไปพร้อม ๆ กับการเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจเต็มรูปแบบในหลาย ๆ รัฐ
แต่คำแนะนำดังกล่าว มีขึ้นก่อนที่จะเกิดการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ “Delta” ที่กำลังกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญในหลายประเทศทั่วโลก และทางองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เพิ่งย้ำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ขอให้ทุกคน รวมถึงคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อที่เร็ว และแรงตัวนี้
สวมหน้ากาก “ป้องกันไว้ก่อน”
เมื่อวันจันทร์ (28 มิถุนายน) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมืองลอส แองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ออกข้อเสนอใหม่ "ขอให้ทุกคน รวมถึงคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว จงสวมหน้ากากอนามัยในอาคาร และสถานที่สาธารณะ เพื่อเป็นมาตรการป้องกันเอาไว้ก่อน"
บาร์บารา เฟอร์เรอร์ ผู้อำนวยการสาธารณสุขของเมือง บอกว่า จำเป็นต้องออกข้อแนะนำนี้ เพื่อยับยั้งจำนวนผู้ติดเชื้อที่กลับมาสูงขึ้น จากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ “Delta” โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน รวมถึงกลุ่มเด็ก, คนดำ และชาวลาติโน เธอย้ำว่า เราไม่อยากกลับไปล็อกดาวน์อีก
ราว 50% ของชาวแอลเอ ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว และราว 60% ได้รับแล้วอย่างน้อย 1 โดส
แต่ความคิดกลับแตกต่างกับในเมืองใหญ่อื่น ๆ อย่าง ชิคาโก และนิวยอร์ก ซิตี้ ที่ผู้นำของเมืองยังคงยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงข้อแนะนำเรื่องหน้ากากอนามัย
ไม่มีใครอยากกลับไปสวมหน้ากากอีก
ดร.แองเกลา ราสมุสเซน นักวิจัยองค์กรวัคซีนและโรคติดเชื้อ แห่งมหาวิยาลัยซัสแคตเชวัน ในแคนาดา บอกว่า เมื่อ CDC ออกข้อเสนอแนะให้ยุติการสวมหน้ากากอนามัย ก็คงคาดไม่ถึงว่า สหรัฐฯ จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ต้องออกคำแนะนำให้สวมมันอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทาง CDC เอง ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้แต่อย่างใด
ถึงเวลานี้ คงไม่มีใครอยากจะกลับไปสวมหน้ากากอนามัยอีกแล้ว แต่การระบาดของไวรัส “Delta” ในสหรัฐฯ กลับทำให้แนวโน้มในการออกข้อบังคับนี้ อาจเกิดขึ้นได้จริง
ผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯ ติดโควิด Delta
ปัจจุบันพบว่า สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ “Delta” ราว 1 ใน 5 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันที่ราว 11,000 กว่าคน ซึ่งยังนับว่าไม่มากนัก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ โดยพบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
ยกตัวอย่าง อิสราเอล ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก และตอนนี้เร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มเด็กและวัยรุ่นเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน ยังต้องประกาศให้กลับมาสวมหน้ากากอนามัยในอาคารสาธารณะ และการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่หลายร้อยคนแล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้กระทั่งคนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสของ Pfizer-BioNTech แล้วก็ตาม
CDC ชี้ว่า มีผลวิจัยที่ระบุว่า คนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว แทบไม่มีโอกาสติดเชื้อ แม้จะเป็นการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการก็ตาม
แต่ความสามารถของไวรัสกลายพันธุ์ ที่ทำให้นักวิจัยทั่วโลกเป็นกังวลว่า แม้แต่คนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสไปแล้ว ยังเสี่ยงติดเชื้อไม่แสดงอาการ ที่มีโอกาสจะแพร่เชื้อให้กับคนอื่นได้ด้วย แม้เขาจะไม่ได้มีอาการป่วยเลย
การสวมหน้ากากกลายเป็นสิ่งจำเป็น
ดร.ระวินตรา กุปตา นักไวรัสวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในสหราชอาณาจักร บอกว่า แม้จะฉีดวัคซีนครบแล้ว แต่การสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด ยังคงต้องดำเนินต่อไป จนกว่าทุกคนจะได้รับวัคซีน หรือมีวัคซีนใหม่ที่มีประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์ใหม่ ๆ เหล่านี้
ขณะที่ ดร.เดวิด มิเชลส์ นักระบาดวิทยา และศาสตราจารย์แห่งสถาบันการแทพทย์ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน บอกว่า "มันเป็นเรื่องยากที่จะถอยหลังกลับไป แม้จะมีการระบาดของไวรัสเดลตา ที่นับเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะต่อประเทศที่มีบรรทัดฐานทางสังคมที่ไม่ต้องการการถูกบังคับ และปิดกันเสรีภาพของพวกเขา"
ดร.เอเซกีล เอ็มมานูเอล รองประธานฝ่ายริเริ่มแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย บอกว่า การระบาดของไวรัส “Delta” ทำให้เราควรต้องคิดใหม่เรื่องการบังคับสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งตัวเขาสวมหน้ากากฯในอาคารทุกครั้ง เพราะเราไม่มีวันรู้ว่าในระยะยาวจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น การสวมหน้ากากอนามัยสำคัญอย่างที่สุด
เรื่อง : ภัทร จินตนะกุล
ภาพ : engin akyurt