จีนคัดค้านหนักพร้อมตอบโต้ สหรัฐฯ ขายอาวุธล็อตใหญ่ให้ไต้หวัน

หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างการประชุมสัมมนาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำปีที่กรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.) ว่า จีนต้อง “คัดค้านอย่างแข็งขัน” ต่อการยั่วยุและการขายอาวุธล็อตใหญ่ของสหรัฐฯ ให้แก่ไต้หวัน ขณะที่จีนได้เริ่มการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงรอบเกาะไต้หวันในสัปดาห์นี้ 

หวัง อี้ บอกว่า “ประเด็นไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน และเป็นหัวใจสำคัญของผลประโยชน์แห่งชาติของจีน เมื่อเผชิญกับการยั่วยุจากกลุ่มที่ผลักดันเอกราชของไต้หวัน และการขายอาวุธจำนวนมากของสหรัฐฯ ให้แก่ไต้หวัน เราจำเป็นต้องคัดค้านอย่างแข็งกร้าวและตอบโต้กลับอย่างหนักแน่น” 

ในโอกาสที่เขาเรียกว่า “วาระครบรอบ 80 ปีของการที่ไต้หวันกลับคืนสู่มาตุภูมิ” หวัง อี้ กล่าวว่า การบรรลุการรวมชาติและการพิทักษ์อธิปไตยรวมถึงบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน เป็นภารกิจที่ปักกิ่ง “ต้องปฏิบัติให้สำเร็จ” เพราะฉะนั้น ความพยายามใด ๆ ที่จะต่อต้านกระแสประวัติศาสตร์นี้ ย่อมจบลงด้วยความล้มเหลว

จีนอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อควบคุมเกาะแห่งนี้ ขณะที่ไต้หวันปฏิเสธอธิปไตยที่จีนอ้างสิทธิ์ โดยยืนยันว่ามีเพียงประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินอนาคตของเกาะ

ถ้อยแถลงของหวังมี อี้ ขึ้นในช่วงที่จีนเริ่มการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงรอบเกาะไต้หวันในสัปดาห์นี้ โดยมีการส่งเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกรุ่นใหม่ ร่วมกับเครื่องบินทิ้งระเบิดและเรือรบเข้าร่วมการฝึก

การซ้อมรบดังกล่าวเริ่มขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศแพ็กเกจขายอาวุธมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ให้แก่ไต้หวัน จำนวน 11,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อ 11 วันก่อนหน้า และหลังจากนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซานาเอะ ทาคาอิจิ แสดงความเห็นเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า หากจีนโจมตีไต้หวันในเชิงสมมติ อาจกระตุ้นให้ญี่ปุ่นตอบโต้ทางทหารได้

จีนระบุว่า การซ้อมรบเป็นการตอบโต้ “การแทรกแซงจากภายนอก” และกิจกรรมแบ่งแยกดินแดน ขณะที่กระทรวงกลาโหมไต้หวัน แถลงว่า การฝึกดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกองกำลังทางเรือและอากาศของจีนที่ปฏิบัติการในหลายพื้นที่รอบเกาะ และยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน

สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดของไต้หวัน มีพันธกรณีตามกฎหมายในการจัดหาอาวุธเพื่อการป้องกันให้แก่ไต้หวัน ซึ่งเป็นนโยบายที่จีนคัดค้านอย่างรุนแรง

หวัง อี้ กล่าวว่า ในปีนี้ จีนได้พยายามสร้างเสถียรภาพในความสัมพันธ์กับมหาอำนาจต่าง ๆ กระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มประเทศโลกใต้ พร้อมทั้งรับบทบาทในสิ่งที่จีนมองว่าเป็น “ความรับผิดชอบที่มากขึ้นต่อสันติภาพและการพัฒนาของโลก”

หวัง อี้ ซึ่งวาดภาพจีนในฐานะพลังสร้างเสถียรภาพท่ามกลางสิ่งที่เขาอธิบายว่าเป็น “ความปั่นป่วนของโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น” ชี้ให้เห็นถึงความพยายามล่าสุดของปักกิ่งในการจัดการกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยกล่าวว่าจีนมุ่งลดความตึงเครียด ไม่ใช่กระพือความขัดแย้ง

ถ้อยแถลงของเขามีขึ้นในช่วงที่จีนได้เพิ่มความพยายามด้านการทูตเพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยหวัง อี้ ได้พบกับนายปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ที่มณฑลยูนนาน เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ขณะที่ปักกิ่งพยายามช่วยคลี่คลายความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน ภายหลังเกิดความขัดแย้งตามแนวชายแดน

จีนระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า ไทยและกัมพูชาได้ตกลงที่จะฟื้นฟูความไว้วางใจทางการเมือง ค่อย ๆ เสริมสร้างความมั่นคงของการหยุดยิง และปรับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นอีกครั้ง ภายหลังการเจรจาที่จีนเป็นเจ้าภาพในมณฑลยูนนาน

จีนกล่าวว่า กำลังสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศใช้ความยับยั้งชั่งใจ และดำเนินการผ่านการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกัน