ทั่วโลกจับตา ‘หลี่ เฉียง’ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีน
---นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีน---
เมื่อ “หลี่ เฉียง” เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ เดินตามประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ขึ้นเวทีเป็นรายที่สอง ของคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ Politburo Standing Committee
นี่เป็นการแสดงอย่างขัดเจนว่า หลี่ เฉียง คือว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีน ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งในการประชุมสภานิติบัญญัติในเดือนมีนาคมปีหน้า
ทั้งนี้ “หลี่ เค่อเฉียง” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน วัย 67 ปี ต้องวางมือ เนื่องจากสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมัย 2 โดยทั่วไปแล้ว ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจีนนั้นสงวนไว้สำหรับคณะกรรมการโปลิตบูโรลำกับที่ 2 หรือ 3 ซึ่งเป็นสมาชิกลำดับคัญและเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านภูมิภาคในกว้าง ๆ
ดังนั้น การที่ หลี่ เฉียง ก้าวมาอยู่ในลำดับที่ 2 นั้น จึงส่งสัญญาณว่า พร้อมขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นผู้กำกับกูแลด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน
ในฐานะนายกรัฐมนตรี เขาจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดที่ช่วยประธานาธิบดีสีในการรับมือความท้าทายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจีน ที่ชะลอตัวอันเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมโควิด-19 อันเข้มงวดมาหลายปีแล้ว ตลอดจนปัญหาความต้องการผู้บริโภคอ่อนแอ และความตึงเครียดกับสหรัฐฯ รวมถึงชาติตะวันตกอื่น ๆ
---มหามิตรของผู้นำสี---
South China Morning Post รายงานว่า หลี่ เฉียงนั้น มีประสบการณ์มาหลายทศวรรษด้านการพัฒนาและการบริหารจัดจาการเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค แต่สิ่งที่มากไปกว่านั้น เขาได้รับความไว้วางใจและไมตรีจิตอย่างมากจากประธานาธิบดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรับหน้าที่ใหม่
เติ้ง อู่เหวิน อดีตบรรณาธิการของ Study Times สื่อทางการของโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่า หลี เฉียง มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีสี มากกว่าหลี่ เค่อ เฉียง และหากหลี่ เฉียงได้เป็นนายกรัฐมนตรี คาดว่าสี จิ้นผิง จะให้พื้นที่และอำนาจแก่เขามากขึ้น ในการบริหารจัดการเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ลำพังการสนับสนุนจากประธานาธิบดีสีอาจยังไม่พอ โดยในช่วงแรก ๆ นี้ หลี่ เฉียงต้องพยายามเอาชนะความเชื่อมั่นของคณะมนตรีรัฐกิจ และประชาคมโลกด้วย
สำหรับความสัมพันธ์ของสีและหลี่ นั้น ย้อนไปตั้งแต่ปี 2004 เมื่อสีเป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลเจ้อเจียง ส่วนนายหลี่ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวกว่าสามปี จนกระทั่งนายสี ย้ายไปเป็นเลจาธิการพรรคที่เซี่ยงไฮ้
ในช่วงเวลาที่เจ้อเจียง นายหลี่ติดตามนายสีไปตรวจงานเกือบทุกครั้ง และเป็นผู้ปรับแก้สุนทรพจน์ต่าง ๆ ของนายสี ซึ่งรวมถึงคอลัมน์พิเศษในสื่อท้องถิ่นของพรรค ซึ่งต่อมาบทความเหล่านั้น ได้มีการนำมารวบรวมไปใส่ในหนังสือที่ชื่อกชว่า “ความคิดของสี จิ้นผิง”ด้วย
---ส่องประวัติ ‘หลี่ เฉียง’---
หลี่ เฉียง ปัจจุบันอายุ 63 ปี เรียนจบทางด้านวิศวกรรมการเกษตร จากมหาวิทยาลัยเจ๋อเจียง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของจีน และระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจาก Hong Kong polytechnic University
หลี่ ได้รับการยกย่อง จากบทบาทที่ช่วยร่างและคัดกรองแนวทางนโยบายของนายสีสำหรับมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งต่อมาได้รู้จักกันในนาม “ยุทธศาสตร์ควบคู่แปดประการ” ซึ่งเป็นรายการเทียบความก้าวหน้าของเจ้อเจียงกับปฏิบัติการตอบสนอง
นโยบายดังกล่าวหลายประกาศ ได้เข้ามาอยู่ในแนวคิดด้านเศรษฐกิจของสี จิ้นผิง ด้วย ซึ่งเป็นหลักการชี้นำด้านเศรษฐกิจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
สำหรับ หลี่ เฉียง เขาตามรอยประธานาธิบดีสี โดยได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำเซี่ยงไฮ้ในปี 2017 และขึ้นชื่อเรื่องการเปิดกว้างและก้าวหน้า
ในปี 2019 เขาเคยสั่งเจ้าหน้าที่ให้ปรับเปลี่ยนทัศนคติและวัฒนธรรม และให้ทำงานเหมือนเป็นผู้ช่วยในร้านค้า เพื่อที่ว่าจะได้ดึงดูดบริษัทต่างชาติให้ย้ายถิ่นฐานมาเปิดสำนักงานใหญ่ที่เซี่ยงไฮ้ โดยในตอนนั้น ฮ่องกงเผชิญปัญหาการประท้วง และสิงคโปร์พยายามช่วงชิงในการเป็นทางเลือก
---ผู้ดูแลเซี่ยงไฮ้ช่วงโควิด---
การที่หลี่ เฉียง ได้ยกระดับเป็นสมาชิกถาวรคณะกรรมการกรมการเมืองในคราวนี้ เป็นการส่งสัญญาณของการกลับมาเช่นกัน หลังเขาเผชิญเสียงวิจารณ์จากการรับมือโควิดโอมิครอนในมหานครเซี่ยงไฮ้ผิดพลาดช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ก่อนหน้านั้น เซี่ยงไฮ้ได้รับคำชมว่ารับมือกับโควิด-19 ได้ดี จนกระทั่งเกิดการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนทำให้ต้องปิดเมืองและมีข่าวเรื่องอาหารหรือสิ่งจำเป็นพื้นฐานขาดแคลนเผยแพร่ออกไป
ในตอนแรกทางการเซี่ยงไฮ้ถูกตำหนิที่ตัดสินในช้า จนต่อมาทำให้ต้องล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางเศรษฐกิจจีนนานกว่าสองเดือน และมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 620,000 คน
อย่างไรก็ตาม ผลงานเด่นของหลี่ เฉียง นั้นเป็นเรื่องการที่เขามุ่งในไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยและนวัตกรรม เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรม อยู่ในรายงานของประธานาธิบดีต่อการประชุมสมัชชาครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ นายหลี่ ยังกำกับดูแลการลงทุนจากต่างชาติรายใหญ่ ๆ ในเซี่ยงไฮ้ด้วย โดยผลงานที่โดดเด่น คือ การลงทุนโรงงานของ Tesla มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านหยวน ซึ่งเป็นการลงทุนหลักจากบริษัทสหรัฐฯ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน
อีกทั้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เขาเคยประกาศไว้ด้วยว่า เซี่ยงไฮ้จะแสดงบทบาทในเชิงรุกมากกว่านี้ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ
—————
แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง: