จริงหรือไม่? หูฟังไร้สายทำลายสมอง

งานวิจัยล่าสุดได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการใช้หูฟังไร้สาย นักวิจัยพบว่าหูฟังบลูทูธแบบไร้สายปล่อยรังสีออกมามากกว่าหูฟังแบบมีสายถึง 150 เท่า คนที่ใช้เป็นประจำจะทำให้มีผลกระทบต่อสมองหรือไม่?

ไม่มีใครเลยที่ไม่ใช้ หูฟังไร้สายบลูทูธ แม้ทั้งสะดวกและไม่เกะกะ แต่การเชื่อมต่อผ่านบลูทูธก่อให้เกิดรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า แม้ว่ารังสีจากอุปกรณ์แต่ละชิ้นจะถือว่าต่ำ แต่การสัมผัสอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจสะสมและส่งผลต่อเนื้อเยื่อรอบหูและสมองได้ ในขณะที่หูฟังแบบมีสายไม่ปล่อยสัญญาณเหล่านี้ 

งานวิจัยในปี  2015 ชี้ให้เห็นว่าการสัมผัสรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า (EMR) เป็นเวลานานจากโทรศัพท์มือถือ เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ WiFi และแม้แต่เครื่องติดตามเด็กไร้สาย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกในสมอง ปัญหาการทำงานของสมอง ภาวะมีบุตรยากในผู้ชาย มะเร็งอัณฑะ และปัญหาสุขภาพระยะยาวอื่น ๆ

งานวิจัยเหล่านี้ทำให้มีนักวิทยาศาสตร์มากกว่า 200 คนจากทั่วโลกยื่นคำร้องต่อองค์การอนามัยโลก  และองค์การสหประชาชาติเพื่อเรียกร้องให้มีการควบคุม EMR อย่างเข้มงวดมากขึ้น

ส่วนผลจากคลื่นบลูทูธ ถูกหยิบยกขึ้นมาในปี 2019 พร้อมกับความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ AirPods และหูฟังไร้สายอื่น ๆ โดยความสนใจมุ่งไปที่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่เรียกว่า รังสีคลื่นความถี่วิทยุ (RFR) ซึ่งปล่อยออกมาที่แบนด์วิดท์ต่ำเพื่อให้สามารถสื่อสารแบบไร้สายได้

งานวิจัยปี 2019 ที่ตีพิมพ์ใน Frontiers of Public Health นักวิจัยจากแคนาดา สวีเดน และสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าผู้บริโภคควรได้รับการเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่าหลักฐานระบาดวิทยาจะไม่บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการเกิดเนื้องอกในสมองก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้ในระยะสั้นไม่น่าจะก่ออันตรายทันที แต่การใช้บ่อยและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงทำงาน เรียน หรือเล่นเกม อาจเพิ่มการสะสมของรังสี ผู้ใช้ควรระวังระยะเวลาและความถี่ในการใช้หูฟังไร้สายเพื่อลดความเสี่ยง

การป้องกันง่ายๆ ที่ช่วยลดการสัมผัสรังสีได้ เช่น การใช้หูฟังแบบมีสายเมื่อเป็นไปได้ วางอุปกรณ์ให้ห่างจากศีรษะเล็กน้อย เปิดโหมดลำโพงขณะโทร หรือใช้การตั้งค่าบลูทูธกำลังต่ำ การสลับใช้ระหว่างหูฟังไร้สายและมีสายก็ช่วยลดการสะสมของรังสีได้เช่นกัน

งานวิจัยนี้เน้นถึงความสำคัญของการตระหนักรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน แม้ว่าหูฟังไร้สายจะสะดวก แต่การใช้มากเกินไปอาจมีความเสี่ยงที่มองไม่เห็น ผู้บริโภคควรปรับสมดุลระหว่างความสะดวกสบายกับความปลอดภัย และตัดสินใจใช้เทคโนโลยีอย่างมีข้อมูล

โดยการเข้าใจหลักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการปล่อยรังสีและปฏิบัติตามนิสัยป้องกัน ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับเทคโนโลยีไร้สายได้โดยไม่กระทบต่อสุขภาพระยะยาว การตระหนักรู้ การใช้พอประมาณ และการใช้อย่างชาญฉลาดเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการสัมผัสอุปกรณ์ในชีวิตประจำวัน