รีเซต

"สินเชื่อ" หดตัว 3 เดือนติด กดดัน "หุ้นธนาคาร" "หยวนต้า" มองฟื้นปลายปี ยก KBANK เด่นสุด

"สินเชื่อ" หดตัว 3 เดือนติด กดดัน "หุ้นธนาคาร" "หยวนต้า" มองฟื้นปลายปี ยก KBANK เด่นสุด
TNN ช่อง16
23 กันยายน 2568 ( 10:37 )
6

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด จำทำรายงานบทวิเคราะห์หุ้นในกลุ่ม "ธนาคาร" โดยระบุว่า จากรายงาน ธ.พ.1.1. เดือน ส.ค. 2025 เราสรุปภาพของสินเชื่อของธนาคารภายใต้ Coverage ของเราได้ดังนี้ สินเชื่อรวมของกลุ่มลดลง 1.0% MoM และลดลง 1.3% YoY และ 2.6% YTD ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

โดยเป็นการปรับลดลงของทั้งธนาคารใหญ่ -1.1% MoM และ -0.5% YoY และธนาคารขนาดกลาง/เล็ก -0.7% MoM และ -5.5% YoY โดยครั้งนี้เราพบว่าการลดลงของสินเชื่อเป็นการปรับลงเกือบจะทุกกลุ่มสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อโครงการรัฐฯ สินเชื่อบริษัทใหญ่ สินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อย

สะท้อนความเข้มงวดของธนาคารที่สูงขึ้นในช่วงรอบต่อของรัฐบาลชุดเดิม ทุกธนาคารสินเชื่อปรับลงหมด โดย KTB และ SCB สินเชื่อลดลงมากที่สุด หากพิจารณาเป็นรายธนาคารพบว่า ธนาคารที่สินเชื่อลดลงมากที่สุดคือ KTB -1.5% MoM และ 2.1% YoY หลักๆ มาจากการชะลอตัวของสินเชื่อโครงการรัฐฯ รองลงมาคือ SCB -1.2% MoM และ -3.1% YoY กดดันจากฝั่งสินเชื่อบริษัทใหญ่ และการชะลอตัวของสินเชื่อกลุ่ม High Yield เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตรวม

ส่วน BBL -0.9% MoM และ 0.2% YoY เป็นการลดลงของทุกกลุ่มสินเชื่อ นอกจากนี้สินเชื่อต่างประเทศยังได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้มูลหนี้ในรูปของสกุลเงินบาทต่ำลง สำหรับ KBANK -0.5% MoM และ -0.9% YoY หลังสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ชะลอตัว ถือว่าชะลอลงน้อยกว่าธนาคารใหญ่รายอื่น

ในฝั่งของธนาคารขนาดกลาง/เล็ก KKP -0.9% MoM และ -3.1% YoY และ TTB -0.7% MoM และ -6.1% YoY ภาพคล้ายๆ กัน หลังคุมการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือหนึ่ง และลดการปล่อยสินเชื่อกลุ่ม SME และบริษัทใหญ่ แต่ TISCO -0.1% MoM แต่ +2.0% YoY เริ่มมีสินเชื่อรถยนต์มือสอง และสินเชื่อจำนำทะเบียนโต

แนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยรับที่ลดลงจะกดดันผลดำเนินงานใน 3Q25 เรายังเห็นธนาคารส่วนใหญ่ใช้วิธีพักสภาพคล่องส่วนเกินไว้ในตลาดเงิน และสินทรัพย์ลงทุน ทำให้เห็นรายการดังกล่าวปรับขึ้น 1.8% MoM และ 8.5% MoM ซึ่งปกติผลตอบแทนจะต่ำกว่าการปล่อยสินเชื่อ กดดันภาพของ NIM เพิ่มเติมใน 3Q25

แต่ผลกระทบบางส่วนจะถูกชดเชยด้วยฐานเงินฝากของกลุ่มที่รอบนี้เริ่มทรงตัว MoM หลังเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ค. เพราะหน่วยงานรัฐฯ มีการลดเงินฝากลงชั่วคราวก่อนปิดปีงบประมาณ รวมถึงธนาคารมีสภาพคล่องมากพออยู่แล้ว ทำให้การแข่งขันด้านเงินฝากผ่อนคลายลง

เบื้องต้นเราคาดแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารใน 3Q25 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ กดดันจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ปรับลงตามสินเชื่อและ NIM ที่ลดลง แต่คาดการตั้งสำรองยังอยู่ในทิศทางที่ชะลอลงเพราะหลายธนาคารตั้งสำรองเป็น Management Overlay ล่วงหน้ามาแล้วใน 1H25 ซึ่งเริ่มมีประเด็นความไม่แน่นอนของประเด็นกำแพงภาษีสหรัฐฯ ส่วนทั้งปีคาดกำไรสุทธิของกลุ่มที่ 207,842 ลบ. ลดลง 3.1% YoY

ภาพรวมของกลุ่มเรายังคงคำแนะนำที่ “เท่ากับตลาด” เพราะมีแรงกดดันจากสินเชื่อชะลอตัวและดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับลง แต่ยังมองว่าเป็นกลุ่มที่ Valuation ไม่สูง และให้ Div. Yield ดี อีกทั้งหลังปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานใหม่สำหรับปี 2026 ทำให้หุ้นธนาคารบางแห่งเริ่มมี Upside น่าสนใจมากขึ้น

ทำให้เราปรับเพิ่มคำแนะนำในธนาคารที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวมาชดเชยการลดลงของรายได้ดอกเบี้ย ได้แก่ KBANK(TP@190) เราปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “TRADING” เป็น “ซื้อ” และให้เป็น Top Pick ของกลุ่ม แม้ภาพสินเชื่อรวมจะลดลง แต่ KBANK มีจุดเด่นที่การเร่งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์มาแล้วหลายไตรมาส และคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อใหม่ ทำให้สามารถที่จะลดระดับการตั้งสำรองเพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลง และยังมีเงินปันผลน่าสนใจ คาด Div. Yield 7.5%

ส่วน KTB(TP@28) คาดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเกร็งกำไรผลดำเนินงาน 3Q25 เพราะจะมีบันทึกกำไรจากเงินลงทุนในหุ้น THAI เข้ามาเสริม ทำให้ผลดำเนินงานโดยรวมเด่นกว่าธนาคารอื่น และคาดจะจ่ายเงินปันผลอีกราว 6.5% จึงเพิ่มคำแนะนำจาก “TRADING” เป็น “ซื้อ” ขณะที่ BBL(TP@168) เราลดคำแนะนำลงเหลือ “TRADING” เพราะเห็นแนวโน้ม ROE ที่ต่ำลง และเป็นธนาคารที่ได้รับผลกระทบเชิงลบมากที่สุดในช่วงดอกเบี้ยขาลง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง