โมดีประกาศตามล่าคนร้ายโจมตีแคชเมียร์ไปจนถึงสุดขอบโลก

นายกรัฐมนนรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ให้คำมั่นว่าจะลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีป่าเถื่อนในแคว้นแคชเมียร์ครั้งนี้ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 26 คน โดยโมดีแถลงครั้งแรกตั้งแต่กลุ่มก่อการร้ายโจมตีภูมิภาคเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่า "ขอกล่าวกับคนทั้งโลกว่า อินเดียจะระบุตัวตน, ติดตาม และลงโทษผู้ก่อการร้ายทุกคนรวมถึงผู้สนับสนุนพวกเขา เราจะไล่ล่าพวกเขาไปจนสุดขอบโลก”
ตำรวจอินเดียในภูมิภาคนี้ สามารถระบุตัวมือปืนที่หลบหนี 2 ใน 3 คนได้ว่าเป็นชาวปากีสถาน
ทั้งนี้ การโจมตีที่เมืองปาฮัลกัม ในแคว้นแคชเมียร์ ดินแดนพิพาทที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เป็นเหตุการณ์นองเลือดที่สุดในรอบ 25 ปี และเป็นการเปลี่ยนเป้าหมายการโจมตีไปเป็นพลเรือนด้วย จากปกติจะเป็นกองกำลังรักษาความมั่นคงของอินเดีย
อินเดียระงับสนธิสัญญาแบ่งปันน้ำ, ประกาศปิดจุดผ่านแดนหลักทางบกที่ติดกับปากีสถาน, ปรับลดความสัมพันธ์ทางการทูต และถอนวีซ่าชาวปากีสถานในคืนวันพุธที่ผ่านมา
ส่วนเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดี) เชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ประชุมคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ หรือเอ็นเอสซี ร่วมกับนายทหารของกองทัพ รวมถึงอาซิม มูนีร์ ประธานเสนาธิการกองทัพที่ทรงอิทธิพล ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก ในกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงปากีสถาน เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาและมาตรการของอินเดีย
แถลงการณ์ฉบับหนึ่งที่เผยแพร่โดยสำนักงานของนายกรัฐมนตรีชารีฟ ระบุหลังการประชุมเอ็นเอสซี ว่า ภัยคุกคามใด ๆ ต่ออธิปไตยของปากีสถาน และต่อความปลอดภัยของประชาชน จะต้องเผชิญกับมาตรการตอบโต้ที่หนักหน่วงในทุกด้าน
แถลงการณ์ระบุว่า “เนื่องจากไม่มีการสืบสวนที่น่าเชื่อถือและมีหลักฐานที่ยืนยันได้ ความพยายามที่จะเชื่อมโยงการโจมตีที่เมืองปาฮัลกัม เข้ากับปากีสถานจึงเป็นการกระทำที่ไร้สาระ, ไร้เหตุผล และขัดต่อตรรกะ”
มาตรการตอบโต้หลายประการที่รัฐบาลปากีสถานประกาศใช้ ได้แก่ การขับไล่เจ้าหน้าที่ทูตอินเดียและการยกเลิกวีซ่าสำหรับพลเมืองอินเดีย ยกเว้นผู้แสวงบุญชาวซิกข์