รีเซต

EPGรับโชคมาตรการสหรัฐ ออเดอร์พุ่ง-บาทอ่อนหนุน

EPGรับโชคมาตรการสหรัฐ ออเดอร์พุ่ง-บาทอ่อนหนุน
ทันหุ้น
17 มีนาคม 2564 ( 08:14 )
43
EPGรับโชคมาตรการสหรัฐ ออเดอร์พุ่ง-บาทอ่อนหนุน

ทันหุ้น – EPG รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ 1.9ล้านล้านดอลลาร์ หนุนออเดอร์พุ่ง บวกเงินบาทอ่อนค่าดันรายได้ส่งออก ระบุราคาน้ำมันพุ่งไม่กระทบธุรกิจ ระบุสต็อกวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าแล้วถึงกลางปี ส่วนงวดบัญชีปีนี้คอนเฟิร์มตามฝันรายได้เหนือ 9 พันล้านบาท รับออเดอร์ขยายตัว ฟากโบรกชูกำไรนิวไฮ เคาะเป้าหมาย 12.5 บาท มองพื้นฐานแกร่ง อัพไซด์

 

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้การนำของประธานธิปสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐและภาพรวมธุรกิจก่อสร้างนั้นบริษัทมองน่าจะเป็นผลดีต่อบริษัท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีการโรงงานผลิตฉนวนซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ "AEROFLEX" ในประเทศดังกล่าว จึงเชื่อปัจจัยข้างต้นน่าจะช่วยผลักดันให้ความต้องการใช้ชนวนและยอดขายของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน จากเดิมที่ยอดขายในประเทศข้างต้นราว 1 พันล้านบาท

 

นอกจากนี้ จากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องจนล่าสุดมาอยู่ราว 30.89 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ 15 มีนาคม 2564) บริษัทประเมินถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ เนื่องจากช่วยผลักดันให้รายได้จากส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศขยายตัวมากขึ้น

 

ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นทาง EPG มองไม่น่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะบริษัทได้มีการสำรองวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งน่าจะเพียงพอรองรับคำสั่งซื้อได้จนถึงช่วงเดือนมิถุนายน 2564 หรือกลางปีนี้

 

*ปีนี้รายได้ตามฝัน

 

สำหรับงวดบัญชีปี 2564 (เม.ย. 63- มี.ค.64) บริษัทประเมินว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าที่ลดลง 10-12% จากปีก่อนที่ 1.03 หมื่นล้านบาท หรืออยู่ที่มากกว่า 9 พันล้านบาท เพราะคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในส่วนต่างๆ ขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ "AEROKLAS" ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน หลังลูกค้าหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง แทน "รถสาธารณะ" มากขึ้น นอกเหนือ จากธุรกิจในกลุ่ม"AEROFLEX" และกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหาร (EPP)

 

นายเฉลียว กล่าวเสริมว่า ในแง่เกี่ยวกับวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด 19 ที่เริ่มทยอยฉีดในหลายประเทศ รวมถึงไทยนั้นหากน่าจะเป็นอีกปัจจัยบวกต่อธุรกิจ และน่าจะทำให้ธุรกิจในกลุ่มต่างๆ ของบริษัทมีแนวโน้มคำสั่งซื้อที่ปรับตัวดีขึ้นในอนาคตด้วย

 

*กำไรแกร่งเป้า 12.50 บาท

 

นายณภัทร จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ปัจจัยพื้นฐาน ด้านหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี เปิดเผยว่า EPG จะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะธุรกิจฉนวนกันความร้อนที่มีสัดส่วนในสหรัฐถึง 1 ใน 3 โดยธุรกิจฉนวนในสหรัฐมีมาร์จิ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 44% ด้วย

 

ขณะธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ นอกจากจะได้รับผลดีด้านการฟื้นตัวของภาคยานยนต์ บริษัทยังได้รับประโยชน์จากการที่บริษัทชิ้นส่วนในออสเตเลีย TJM ซึ่งเคยขาดทุนมาโดยตลอด 5-6 ปี กลับมาฟื้นตัวเป็นกำไรแล้ว ซึ่งปีก่อนธุรกิจนี้ขาดทุนราว 150 ล้านบาท ดังนั้นหากกลับมาเป็นกำไรได้ 50 ล้านบาท เท่ากับว่ามีกำไรเพิ่มถึง 200 ล้านในธุรกิจนี้

 

ส่วนธุรกิจ EPP ที่มีสัดส่วน 95% ในไทย หากเปิดเมืองมีนักท่องเที่ยวเข้ามาก็จะได้ประโดย ส่วนรายได้จากธุรกิจ JV ก็จะส่งกำไร 2-3 ร้อยล้านบาท  ขณะที่ประเด็นด้านน้ำมันที่ปรับตัวสูงนั้นจะกระทบกับธุรกิจแพ็คเก็จจิ้งแต่ก็ไม่มาก เพราะมีสัดส่วน 20% อย่างไรก็ดีบริษัทมีการสต็อกวัตถุดิบแล้ว และมีการปรับเพิ่มขึ้นราคา

โดยส่วนตัวมองว่าราคาน้ำมันดิบหลังจากเดือนเมษายนจะปรับตัวลดลงจากการที่ ซาอุดิอาระเบีย มีแนวโน้มปรับเพิ่มกำลังผลิตขึ้น ประเมินธุรกิจมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี และแนวโน้มกำไรทำสถิติสูงสุด 

 

ประเมินกำไรปี 2563/2564 สิ้นสุด มี.ค. 64 จะอยู่ที่ 1,270 ล้านบาท และจะทำสถิติต่อในปี 2564/2565 ที่ 1,458 ล้านบาท ราคาเป้าหมาย 12.5 บาท มีอัพไซด์สูงถึง 38%

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง