รีเซต

มีเงิน 1 แสนบาทลงทุนอะไรดี?

มีเงิน 1 แสนบาทลงทุนอะไรดี?
TrueID
23 พฤศจิกายน 2564 ( 12:31 )
3.5K
มีเงิน 1 แสนบาทลงทุนอะไรดี?

หลังจากที่อดทนเก็บเงินมาหลายปีจนมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง หรือได้รับโบนัสประจำปีมาไม่รู้จะไปลงทุนอะไร แต่ที่แน่นอนต้องหาอะไรลงทุนที่ดีกว่าเก็บไว้เฉยๆ หรือฝากบัญชีออมทรัพย์กับแบงก์ เนื่องจากไม่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น 3% ต่อปี จะลงทุนอะไรดีวันนี้มีคำตอบ TrueID หาช่องทางการลงทุนมาให้แล้ว

 

ลงทุนซื้อสลากออมทรัพย์

สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ลองหันมาซื้อสลากออมทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยแถมยังมีสิทธิ์ได้ลุ้นเงินรางวัลทุกเดือนอีกด้วย  ซึ่งสลากออมทรัพย์จะคล้ายกับเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาที่แน่นอน เช่น ผู้ซื้อจะต้องถือให้ครบกำหนดอายุ 3 หรือ 5 ปีแล้วจะได้อัตราดอกเบี้ยซึ่งจะต่ำกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปแต่ไม่ต้องเสียภาษี หากมีโชคใหญ่อาจได้กำเงินล้าน ซึ่งการซื้อสลากออมทรัพย์มีข้อดีคือเงินต้นไม่หายได้ดอกเบี้ยไม่เสียภาษีมีสิทธิ์ลุ้นเงินรางวัลทุกงวด

 

ลงทุนผ่านกองทุนรวม

เนื่องจากการลงทุนผ่านกองทุนรวมใช้เงินลงทุนไม่มาก และมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายทำให้สามารถกระจายการลงทุนได้ง่ายขึ้น และบางกองทุนยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย หากสนใจลงทุนในกองทุนรวมต้องศึกษาข้อมูลกองทุนรวมแต่ละประเภทที่สนใจลงทุน หากเป็นมือใหม่ยังไม่สามารถลงทุนในกองทุนหลายๆ กองพร้อมกัน ควรลงทุนผ่านกองทุนรวมผสม ที่มีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับสัดส่วนที่ต้องการ หมั่นตรวจสอบผลการดำเนินงานของกองทุนรวม เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางให้เหมาะสมตามเป้าหมายที่วางไว้จนประสบความสำเร็จ

 

ลงทุนผ่านหุ้นกู้

หุ้นกู้ (Corporate Bond) คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน  ส่วนตราสารหนี้ของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเรียกว่า พันธบัตร หุ้นกู้เป็นการระดมทุนเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการต่างๆ ของบริษัทหรือหน่วยงานที่ออกหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้จะแบ่งออกเป็นหน่วย โดยแต่ละหน่วยมีมูลค่าเท่าๆ กัน ทั้งนี้หุ้นกู้ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเพราะได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนและสูงกว่าเงินฝากธนาคาร สามารถขายได้ทุกวันทำการ รวมทั้งมีระยะเวลาในการถือครองตามความต้องการให้เลือก เช่น หุ้นกู้อายุ 3 ปี, อายุ 5 ปี, อายุ 10 ปี เป็นต้น ที่สำคัญหุ้นกู้มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ หุ้นและกองทุนรวมหุ้น ดังนั้นจึงเป็นอีกทางเลือกของผู้ที่ต้องการผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอและรับความเสี่ยงได้ในระดับที่ไม่สูงนัก

 

ลงทุนผ่านหุ้น

เปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น ๆ แล้วการลงทุนในหุ้นยังได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าในวัฏจักรของหุ้นกลุ่มต่างๆ รวมถึงสภาวะความเป็นไปในภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงอุตสาหกรรมในหุ้นที่สนใจลงทุน และแนวโน้มการเติบโตในอุตสาหกรรมนั้นๆ เนื่องจากการลงทุนในหุ้นมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงจึงความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้เงินก้อนที่มีอยู่สูญเสียไปได้ง่ายๆ และไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนในหุ้น ดังนั้นก่อนลงทุนในหุ้นจะต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจหรืออาจใช้วิธีการซื้อหุ้นที่เลือกแล้วแบบ DCA (Dollar cost average) โดยซื้อหุ้นในจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือนเพื่อลดความผันผวนในด้านราคาก็จะเป็นวิธีการกระจายความเสี่ยงได้อีกวิธีหนึ่ง 

 

ลงทุนผ่านทองคำ

เนื่องจากทองคำเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ทำให้ทองคำมีโอกาสที่จะมีราคาสูงขึ้นได้ในระยะยาวใช้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้ เนื่องจากในยามที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาทองคำก็มักจะขยับขึ้นด้วยและหลายๆ ครั้งที่ราคาทองคำนั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ผู้ที่ถือครองทองคำอยู่สามารถรักษาอำนาจการซื้อไว้ได้ การสะสมทองนั้นเป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำมักจะไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอื่นๆ ดังนั้นการมีทองคำเป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งจึงช่วยให้อุ่นใจได้มากขึ้น  ปัจจุบันมีการลงทุนทางอ้อมผ่าน “กองทุนรวมทองคำ”ที่ใช้จำนวนเงินลงทุนต่ำและรูปแบบในการลงทุนที่มีให้เลือกหลากหลาย

 

ลงทุนใน Cryptocurrency

  • ลงทุนใน Cryptocurrency โดยซื้อผ่านกระดานแลกเปลี่ยน เราสามารถลงทุนผ่าน Bitcoin ได้ง่าย ๆ โดยการเทรดได้ ซึ่งสามารถเทรดได้ตามเว็บเทรดต่าง ๆ เช่น Bitkub หรือ binance เป็นต้น ขั้นตอนการซื้อนั้นง่ายมาก ๆ เพียงแค่สมัครเว็บ, ยืนยันตัวตน, โอนเงินเข้าไปในเว็บเทรด และซื้อ Bitcoin ก็สามารถได้ Bitcoin มาครอบครองแล้ว ซึ่งต่อจากนี้ ก็แล้วแต่ความชอบอีกว่า ชอบที่จะถือไว้ยาวๆ หลายปี หรือชอบซื้อขายเรื่อยๆ เช่นเดียวกับการเทรดหุ้นไม่มีผิด ไม่มีถูก เพียงแต่ต้องห้ามลืมว่า ตลาดคริปโตนั้นเปิดตลอดเวลา และมีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากทุกคนรู้ว่าในแต่ละวัน มีความผันผวนของตลาดไม่น้อยกว่าวันละ 10% เลย
  • ลงทุนใน Defi การลงทุนประเภทนี้มีโอกาสทำกำไรได้ 12–60% ต่อปีเลยทีเดียว DeFi มาจากการถือกำเนิดขึ้นของ ETH ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Smart Contract ซึ่งทำให้เราเริ่มต้นสร้างระบบการเงิน หรือ Ecosystem Finance ขึ้นได้ด้วยตัวมันเอง สามารถจำลองการเขียนระบบการเงิน ให้เสมือนกับว่ามันคือธนาคารตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น สัญญาอัจฉริยะการกู้เงินและปล่อยเงินกู้ (Lending and borrow)หรือ สัญญาฝากเงินกินดอกเบี้ย (Saving) ดังนั้น จะเห็นว่า DeFi คือการเปลี่ยน ตัวกลางการทำธุรกรรมการเงิน จาก ธนาคาร ไปสู่ สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) นั่นเอง

จะเห็นได้ว่าเราสามารถลงทุนได้หลากหลายประเภทตามความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ การลงทุนที่มีระยะเวลานานจะช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนในระยะสั้น ที่สำคัญก่อนที่จะนำเงินก้อนที่มีอยู่ไปลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย ควรศึกษาและทำความเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะลงทุนและควรกำหนดเป้าหมายในการลงทุนให้แน่ชัดเพื่อจะได้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกลงทุนที่เหมาะสม

 

ข้อมูล : ไทยพาณิชย์ ,  bitcointhai , finnomena

รูปภาพโดย mohamed hassan ฟอร์ม PxHere

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม.

คลิกเลย >>> TrueID Community <<<

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง