2 ปี อิสราเอล-ฮามาส สู่การบรรลุแผนสันติภาพ กับชีวิตแรงงานไทยบนไฟสงคราม

7 ตุลาคม 2023 เหตุการณ์ที่โลกไม่เคยลืม เมื่อกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัว จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตครั้งนั้นเกือบ 1,200 ราย ประชาชนถูกจับเป็นตัวประกัน รวมถึง แรงงานไทย ที่เดินทางไปแสวงหาโอกาสในต่างแดน
เหตุการณ์วันนั้นจุดชนวนให้เกิด สงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่ยืดเยื้อยาวนาน ท่ามกลางความเสียหายอันประเมินค่าไม่ได้ในฉนวนกาซา ผู้เสียชีวิตนับหมื่น
สงครามที่ยืดเยื้อนานกว่า 2 ปี วันนี้ อิสราเอล และกลุ่มฮามาส ร่วมลงนามบรรลุข้อตกลงสันติภาพระยะแรก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสงครามได้เปลี่ยนโลกเรา และสร้างความสูญเสียมหาศาล
ฉนวนกาซาเหลือแต่ “ซาก”
จนถึงวันนี้ มีชีวีตที่ต้องสูญเสียไปกับสงครามอิสราเอล-ฮามาสรวมแล้วกว่า 69,160 ราย ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นเสียชีวิตในอิสราเอล ประมาณ 2,000 ราย และในฉนวนกาซา 67,160 ราย ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิงและเด็ก
ส่วนแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ อยู่ที่ 42 ราย
สหประชาชาติ ระบุว่า ตอนนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ฉนวนกาซากลายเป็นซากปรักหักพัง อาคารบ้านเรือนราว 78% มีความเสียหาย หรือ ถูกทำลายลง ในจำนวนนี้ 88% เป็นอาคารเรียน ประชาชนนับล้านต้องเผชิญกับความหิวโหย
สงครามอิสราเอล-ฮามาส เปลี่ยนแปลงโลกหลายด้าน จากสงครามระหว่างรัฐ กับกลุ่มติดอาวุธ ขยายวงกว้างเป็นสงครามระดับภูมิภาค เพราะอิสราเอลไม่ได้มุ่งเป้าไปแค่ฉนวนกาซาเท่านั้น แต่ยังใช้ปฏิบัติการทหารในเลบานอน, ซีเรีย, เยเมน และอิหร่านด้วย
ปัจจุบัน กองกำลังทหารอิสราเอลยังคงประจำการอยู่ในพื้นที่บางส่วนของเลบานอน และซีเรีย และทิ้งระเบิดในบางพื้นที่ต่อเนื่อง
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เผยว่า อิสราเอลได้ร่วมกันต่อต้านแผนการทำลายล้างของศัตรู และประสบความสำเร็จหลายครั้งในภูมิภาค พวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของตะวันออกกลางร่วมกัน และจะยังคงดำเนินต่อไป เพื่อรับประกันความมั่นคงและความยั่งยืนของประเทศ
จากขับไล่สู่ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
แต่จากการขับไล่ เพื่อปกป้องความมั่นคงประเทศ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงที่ใหญ่ขึ้น เมื่อการกระทำของอิสราเอล เริ่มเข้าข่าย “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
รายงาน UN ฉบับล่าสุด ระบุว่า อิสราเอลก่ออาชญากรรม “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา นับตั้งแต่เกิดสงครามกับฮามาสในปี 2023 โดยรายงานอ้างอิงจากแถลงการณ์ของผู้นำอิสราเอล และวิธีการดำเนินการของกองกำลังอิสราเอล มาใช้เป็นหลักฐานของเจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
และก่อนหน้านี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ก็ได้ออกหมายจับ “เนทันยาฮู’ ข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม
อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศอิสราเอล ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ และชี้ว่า รายงานฉบับนี้ บิดเบือน และให้ข้อมูลเท็จ
พันธมิตรย้ายข้าง หันรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์
แต่ภาพความเสียหายในฉนวนกาซา รายงานการสังหารพลเรือน และนักข่าวที่ปฏิบัติหน้าที่ในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนให้หลายประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยสนับสนุนอิสราเอล เริ่มเปลี่ยนจุดยืนของตัวเอง
พันธมิตรดั้งเดิม อย่าง ฝรั่งเศส แคนาดา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ออกมาประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์เป็นที่เรียบร้อย ทำให้ตอนนี้ มี 151 ประเทศ จาก 193 ประเทศสมาชิกสหประชาชาติ รับรองรัฐปาเลสไตน์
ส่วนประเทศไทย รับรองรัฐปาเลสไตน์ อย่างเป็นทางการ ตั้่งแต่วันที่ 17 มกราคม 2012
สิ่งนี้ ส่งผลให้อิสราเอล และสหรัฐฯ ออกมาคัดค้านการรับรองดังกล่าว และเนทันยาฮู ยังกล่าวด้วยว่า รัฐปาเลสไตน์จะไม่มีทางเกิดขึ้น
เมื่อผู้นำอิสราเอล ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีประชุม UNGA กล่าวโจมตีหลายชาติตะวันตกที่รับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์ ส่งผลให้ผู้แทนจากหลายประเทศเดินออกจากห้องประชุม เพื่อประท้วงทันที
สงครามอิสราเอล-ฮามาส ยังส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจทั่วโลก ราคาน้ำมันและพลังงานพุ่งสูงขึ้น เกิดความผันผวนอย่างมาก ระบบส่งสินค้า และการค้าระหว่างประเทศได้รับผลกระทบ ซึ่งเราอาจจะเห็นได้จาก ราคาทองคำที่พุ่งทะยานขึ้นไม่หยุด ส่วนหนึ่งมาจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาสที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ชีวิตแรงงานไทย บนไฟสงคราม
สงครามอิสราเอล-ฮามาส ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะประชาชนในภูมิภาคตะวันออกกลางเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประเทศไทยด้วย เนื่องจากมีแรงงานไทยจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอล โดยเฉพาะภาคเกษตรและอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ก่อนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงวันที่ 7 ตุลาคม 2023 กรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน รายงานว่า มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานในอิสราเอลรวมทั้งหมด 25,962 คน แต่เมื่อสงครามปะทุ แรงงานเหล่านี้ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งการเสียชีวิต บาดเจ็บ ถูกจับเป็นตัวประกัน และต้องอพยพกลับประเทศไทยเป็นการชั่วคราว โดยช่วงเวลานั้นมีแรงงานไทยลงทะเบียนแจ้งความประสงค์กลับประเทศมากกว่า 8,000 คน
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานว่า รายได้จากแรงงานไทยที่ทำงานต่างประเทศ รวมทั้งอิสราเอล ส่งเงินกลับประเทศ ช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. 2023 รวมทั้งหมด 164,779 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของแรงงานไทยต่อเศรษฐกิจในประเทศ
ถึงจะรอดกลับมาไทยได้อย่างปลอดภัย แต่หลายคนยังต้องเผชิญกับภาระหนี้สินจำนวนมาก เนื่องจากส่วนใหญ่เดินทางไปทำงานต่างประเทศเพื่อหาเงินใช้หนี้และเลี้ยงดูครอบครัว เมื่อรายได้จากการทำงานหยุดชะงักจากสงคราม
พวกเขาต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ส่งผลให้บางส่วนตัดสินใจเดินทางกลับไปอิสราเอลอีกครั้ง แม้จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรง
ล่าสุด กรมการจัดหางานรายงานว่า ปัจจุบันมีแรงงานไทยทำงานในอิสราเอลทั้งหมด 39,500 คน ซึ่งสูงกว่าก่อนเกิดสงคราม สะท้อนว่าอิสราเอลยังคงเป็นโอกาสทางการเงินสำคัญสำหรับแรงงานไทย
การตัดสินใจส่งแรงงานกลับไปทำงานเกิดขึ้นหลังจากทางการอิสราเอลยืนยันเรื่องความปลอดภัย และพิจารณาคำร้องจากแรงงานที่กลับมาพักผ่อนและรอเดินทาง รวมถึงแรงกดดันจากภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอส่งแรงงาน
ผ่านมา 2 ปี สงครามอิสราเอล-ฮามาสตอกย้ำว่า ความขัดแย้งระหว่างประเทศมีผลกระทบข้ามพรมแดน ทั้งต่อชีวิตผู้คน เศรษฐกิจโลก และแรงงานไทยที่ต้องเผชิญความเสี่ยงและความไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่สะท้อนถึงความจำเป็นของการเตรียมรับมือและความช่วยเหลือที่ต่อเนื่อง
สู่การบรรลุข้อตกลงสันติภาพ
สงครามอิสราเอล-ฮามาส ในฉนวนกาซาที่ยืดเยื้อนานกว่า 2 ปี วันนี้ อิสราเอล และกลุ่มฮามาส ร่วมลงนามบรรลุข้อตกลงสันติภาพระยะแรก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สหรัฐฯ เป็นตัวกลางหลักสำหรับการเจรจาครั้งนี้ ซึ่งเป็นแผนสันติภาพ 20 ข้อ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นคนผลักดัน และเสนอเอง
ทรัมป์ ขอบคุณ ประเทศอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยการเจรจา และทำงานร่วมกับสหรัฐฯ จนเกิดสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หลังบรรลุข้อตกลงสันติภาพระยะแรกแล้ว ขั้นตอนต่อไป อิสราเอลจะถอนกำลังทหารออกไปจากกาซาทั้งหมด และส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านเข้ามาในกาซาได้ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ
โลกจะเป็นอย่างไรต่อ ?
ถ้าแผนระยะแรก สำเร็จลุล่วง ขั้นตอนต่อไป จะเป็นการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อกำหนดรายละเอียดขั้นตอนต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องท้าทาย
แต่ถ้าหาก 2 ฝ่าย ยอมรับข้อตกลงทั้งหมดร่วมกัน สงครามกาซาจะยุติทันที
ฉนวนกาซาจะเป็นเมืองที่ปลอดอาวุธ อุโมงค์ และโครงสร้างทางทหารของกลุ่มฮามาสจะถูกทำลายลง
ภายใต้แผนสันติภาพ กาซาจะไม่กลับคืนสู่การปกครองของกลุ่มฮามาสอีก แต่จะจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว ที่ไม่อิงกลุ่มการเมืองใด ๆ เป็นกลุ่ม “เทคโนแครต” ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ มาบริหารแทน
รัฐบาลชั่วคราวนี้ จะดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของ “คณะกรรมการสันติภาพ” ชุดใหม่ ซึ่งมีทรัมป์นั่งเป็นประธาน และทำงานร่วมกับ โทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร
และ เมื่อเวลาผ่านไป การปกครองกาซา จะถูกส่งมอบให้กับทางการปาเลสไตน์ หลังมีการปฏิรูป เพื่อให้มั่นใจว่า มีรูปแบบการปกครอง และความรับผิดชอบที่ดีขึ้น
ส่วนฮามาส จะไม่มีบทบาททางการเมืองในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นทางตรง หรือ ทางอ้อม สมาชิกกลุ่มจะมี 2 ทางเลือก คือ จะยอมรับการนิรโทษกรรม และใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ หรือ เลือกเดินทางไปยังประเทศอื่น
ที่สำคัญสุด คือ ชาวปาเลสไตน์จะไม่ถูกบังคับให้ออกจากฉนวนกาซา
ข้อตกลงนี้ ยังมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจทรัมป์รวมอยู่ด้วย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฉนวนกาซา นำโดยคณะผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ มุ่งหมายฟื้นฟูโครงสร้าง, กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสใหม่ใหักับประชาชนในฉนวนกาซาให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังพวกเขาทนทุกข์กับสงครามมาอย่างยาวนาน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://www.bbc.com/news/articles/cvgqyj268ljo
https://www.bbc.com/news/articles/cvgqx7ygq41o
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
