รีเซต

แก้รัฐธรรมนูญใหม่ สสร.จะเป็นแบบไหน ? สรุปโมเดล สสร.ของแต่ละพรรค

แก้รัฐธรรมนูญใหม่ สสร.จะเป็นแบบไหน ? สรุปโมเดล สสร.ของแต่ละพรรค
TNN ช่อง16
23 กันยายน 2568 ( 15:13 )
14

หลังได้รัฐบาลใหม่ วาระการแก้ไข และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กำลังจะถูกบรรจุเข้าสู่สภาอีกครั้งในวันที่ 24 กันยานี้ แต่สิ่งสำคัญ ที่ยังต้องถกเถียงกัน คือโมเดล และรูปแบบของการเลือก สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ที่แต่ละพรรคยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน 

สสร.สำคัญแค่ไหน ประชาชนเป็นผู้เลือกเองได้ไหม เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นฉบับประชาชน และแต่ละพรรคมีโมเดลหน้าตาอย่างไร ?

สสร.ไทยในอดีต ที่ประชาชนไม่เคยเป็นผู้เลือกโดยตรง

นับตั้งแต่ไทยมีรัฐธรรนูญฉบับแรก เราเคยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว ทั้งหมด 4 ชุด ในปี 2491, 2502, 2539 และ 2550 โดยแต่ละชุดก็มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่ต่างกัน ทั้งในอำนาจหน้าที่ และกรอบในการทำงาน และการสรรหา สสร.

โดย มี สสร. จำนวน 2 ชุดที่ถูกเลือกตั้งโดยสมาชิกรัฐสภา ขณะที่อีก 2 ชุดนั้นมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร แต่ไทยยังไม่เคยมี สสร. จากการเลือกตั้งของประชาชนแม้แต่ครั้งเดียว และยังไม่เคยมีรัฐธรรมนูญที่มาจากการยกร่างโดยคนที่ประชาชนเลือกตั้งมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ห้ามประชาชนเลือก สสร.โดยตรง จนเกิดเป็นคำถามว่า ครั้งนี้ สสร.จากประชาชน ก็ถูกปิดทางอีกหรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้จริงแค่ไหน ?

ประเด็นนี้ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการกฎหมายและการเมือง และ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ได้ให้สัมภาษณ์กับ TNN Online ไว้ว่า หากรัฐสภาไม่ให้ประชาชนเป็นผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงก็ ต้องเลือกตั้งโดยอ้อม แต่ (Indirect election )  กระทำได้ผ่าน 3 วิธี

1. ให้ประชาชนเลือกสภาผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ไปเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญอีกที 
เหมือนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่ประชาชนเลือกคณะผู้เลือกตั้งไปเลือกประธานาธิบดีอีกที
หรือการเลือกนายกฯ ที่ประชาชนเลือกทางอ้อม ผ่าน สส. ให้ สส. ไปเลือกนายกฯ แทน 

2. ให้ สส. เลือกคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ (เพราะ สส.มาจากการเลือกของประชาชนอยู่แล้ว)
แต่ข้อนี้ จะมีข้อเสียว่า ถ้าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจกระทบต่อประโยชน์ สส. 
ก็จะทำได้ยาก ดังนั้นความจริงควรให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงมาร่าง 
และต้องการเสียง สว. 1 ใน 3 รับรองจึงแก้ได้ แต่วิธีนี้ก็ดูเป็นไปได้ยาก

3. ให้รัฐสภา (สส.+สว.) เป็นผู้เลือก คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ  
(เหมือน สสร. ปี 2539 >> ได้ รธน. 2540) 
แต่วิธีนี้ ก็จะมีปัญหาตรงที่ สว. ในปัจจุบัน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน  

แต่ถึงอย่างนั้น อ.ปริญญาก็ตั้งคำถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญ เอาอำนาจใดมาห้ามไม่ให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งประชาชนโดยตรง  คำตอบคือไม่มี และ รัฐสภาไม่ได้ถามประเด็นนี้ด้วย ถามแค่ทำประชามติกี่ครั้ง ? 

ขณะที่ด้านภาคประชาชน หรือเครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ (Con for All) ก็ยังคงเรียกร้องว่า อำนาจกำหนดกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นของประชาชน และประชาชนจะให้อำนาจนั้นผ่านรัฐสภา โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจแทรกแซง และความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญที่นอกเหนือคำวินิจฉัย ย่อมไม่มีผลผูกพันกับทุกองค์กรในรัฐสภาเช่นกัน 



โมเดล สสร.ของแต่ละพรรคการเมือง  

เมื่อประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกหยิบยกมาพูดถึง แต่ละพรรคก็ได้ออกมาพูดถึงโมเดลการเลือก สสร.ที่แต่ละพรรคนำเสนอ 

พรรคภูมิใจไทย - จำนวน สสร. 99 คน

  • ยึดมาจากโมเดลการแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2539 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นตัวตั้ง 

  • ใครอยากเป็นสสร.แต่ละจังหวัด ให้มาสมัคร จากนั้น กกต.จะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดของแต่ละจังหวัด เสนอให้รัฐสภาเลือก จังหวัดละ 1 คน เพื่อเป็นตัวแทนจังหวัด 77 คน 

  • มีกลุ่มนักวิชาการซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มนักนิติศาสตร์ กลุ่มนักรัฐศาสตร์ และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ที่ให้ลงสมัครจากจังหวัด และเลือกให้เหลือ 22 คน แบ่งเป็นจากนิติศาสตร์ 7 คน จากรัฐศาสตร์ 7 คน และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ 8 คน

  • เมื่อได้ สสร. 99 คน จะให้ สสร. ไปสรรหากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 25 คน มาจาก สสร. 2 ใน 3 ของสภาฯ และมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ

พรรคเพื่อไทย - จำนวน สสร. ราว 143 คน

  • เสนอเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อกำหนดที่มาของ สสร. เท่านั้น

  • 100 คน จากประชาชนเลือกทางอ้อม ซึ่งให้ประชาชนเลือก 200 คน และ รัฐสภาคัดเหลือ 100 

  • รับสมัครจากคณะนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ตัวแทนองค์กรภาคประชาชน และตัวแทนวิชาชีพ และให้คัดสรรกันเองให้เหลือ 40 คน

  • กลุ่มวิชาการ 40 คนจะเป็นเป็นกรรมมาธิการยกร่าง หรือ กรธ. ส่งรัฐสภาเห็นชอบ

พรรคประชาชน - จำนวน สสร. 135 คน

  • กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน

  • เลือกผ่านระบบรายชื่อ ผู้ได้คะแนนสูงสุด 70 อันดับ ส่งให้รัฐสภาพิจารณา และลงมติในสภาเหลือ 35 คน 

  • สภาที่ปรึกษาจากตัวแทน “จังหวัด” 100 คน

  • ขั้นตอนการเลือก คือรับสมัครแบบระบบเขต จังหวัดละไม่เกิน 5 คน และคัดเลือก 100 คน เป็น “สภาที่ปรึกษา”

แต่ตอนนี้ก็มีการแสดงความกังวลต่อโมเดลของแต่ละพรรค ว่ามีข้อเสีย และผลที่ต่างกันไป โดยพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน มองว่าโมเดลของพรรคภูมิใจไทย ไม่มีประชาชนเป็นส่วนร่วมเลย และมีความเสี่ยงผูกขาดคนไปเป็น สสร. หรือ คณะกรรมการยกร่าง

ขณะที่โมเดลของเพื่อไทย และประชาชนนั้น ก็ถูกมองว่า เป็นการเลือกตั้งสองขั้น ที่ซับซ้อน และของพรรคประชาชนเองนั้น ยังเสี่ยงที่กรรมาธิการยกร่าง และสภาที่ปรึกษาจะคิดต่างกันด้วย 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง