รีเซต

คลังชี้ลงทุนเอกชนไตรมาสสองหดตัวแรง ผลพวงยอดขายรถยนต์ทรุด

คลังชี้ลงทุนเอกชนไตรมาสสองหดตัวแรง ผลพวงยอดขายรถยนต์ทรุด
ทันหุ้น
2 กันยายน 2567 ( 13:26 )
18

คลังชี้ยอดการลงทุนเอกชนไตรมาสสองหดตัวแรงที่ 6.2% ระบุ ผลพวงหลักจากยอดขายรถยนต์ลดลงหนัก หลังรัฐบาลหันมาส่งเสริมรถยนต์อีวี ทำให้รถยนต์สันดาปหดตัว บวกกับ หนี้เสียที่พุ่งทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อกลุ่มดังกล่าวสูง แนะรัฐบาลเร่งฟื้นลงทุน

 

#ทันหุ้น แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ยอดการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาสที่สองที่ผ่านมา หดตัวแรง สาเหตุสำคัญมาจากการหดตัวของรถยนต์เชิงพาณิชย์ ที่สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

 

ทั้งนี้ สภาพัฒน์ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสที่สองของปีนี้ว่า การลงทุนรวม ลดลง 6.2% ต่อเนื่องจากการลดลง 4.2% ในไตรมาสหนึ่ง โดยการลงทุนภาครัฐลดลง 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ปัจจัยหลักมาจากการลงทุนรัฐบาลลดลง 12.8% ขณะที่ การลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัว 10.1%

 

ส่วนการลงทุน ภาคเอกชนลดลง 6.8% เทียบกับการขยายตัว 4.6 %ในไตรมาส 1/2024 ปัจจัยสำคัญมาจากการลงทุนด้านการก่อสร้าง และการลงทุนด้านเครื่องจักรเครื่องมือที่ลดลง 5.4% และ 6.7% ตามลำดับ

 

แหล่งข่าวกล่าวว่า การลงทุนที่หดตัวในไตรมาสที่สองค่อนข้างมากนั้น สาเหตุมาจาก การลงทุนในภาคเอกชนที่หดตัวสูงถึง 6.8% เนื่องจาก การลดลงของการลงทุน ในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ ยานพาหนะทางบก ตามยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่ง รถบรรทุก รถจักรยานยนต์ และรถโดยสารที่ลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากยอดขายรถยนต์สันดาปที่ลดลง รวมทั้ง ปัญหาหนี้เสียและหนี้ค้างชาระ ของกลุ่มสินเชื่อยานยนต์ซึ่งอยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น

 

“การหดตัวของการลงทุนของประเทศในไตรมาสที่สองค่อนข้างจะแรง ดังนั้น จำเป็นต้องเร่งการลงทุนในไตรมาสที่สาม ให้ฟื้นกลับคืนมา”

 

ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร ถือว่า เป็นหมวดการลงทุนที่สำคัญของประเทศโดยในปี 2566สัดส่วนในหมวดนี้ ต่อการลงทุนรวมของภาคเอกชนมีสัดส่วนมากถึง 81 % ขณะที่ การลงทุนด้านก่อสร้าง คิดเป็นสัดส่วน 18.9 % ของการลงทุนรวมของภาคเอกชน

 

สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจไทยตามการรายงานของสภาพัฒน์นั้น ในไตรมาสที่สองของปีนี้ เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.3 % เป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ที่ขยายตัว 1.6 %

 

หากมองในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวแล้ว 1.9 % เป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งหลังของปีที่แล้ว (กรกฎาคม-ธันวาคม 2023) ที่ขยายตัว 1.6 %

 

สำหรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2567สภาพัฒน์ คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 2.3-2.8% มีค่าเฉลี่ยที่ 2.5 % โดยคาดว่าการลงทุนภาคเอกชน จะขยายตัวที่ 0.3 % ซึ่งต่ำกว่าช่วงปี 2564 -2566ที่ขยายตัวที่ 2.9 % ,4.7% และ 3.2% ตามลำดับ

 

ส่วนการลงทุนภาครัฐทั้งปีนี้คาดว่า จะติดลบ 0.7 % แต่ปรับตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว โดยการลงทุนภาครัฐในช่วงปี 2564-2566อยู่ที่ บวก 3.5 % , ติดลบ 3.9 % และติดลบ 4.6 % ตามลำดับ

 

ทั้งนี้ สภาพัฒน์มองว่า ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คือ การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยว โดยคาดว่าปีนี้ทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้าไทยจำนวน 36.5 ล้านคน ดีขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 28.1 ล้านคน ,การขยายตัวในเกณฑ์ที่ดีของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศโดยการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน คาดปีนี้ขยายตัว 4.5%,การเพิ่มขึ้นของแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง และการกลับมาขยายตัวอย่างช้าๆของภาคการส่งออกตามการฟื้นตัวของการค้าโลก โดยคาดว่าปีนี้มูลค่าส่งออกของไทยในรูปดอลลาร์สหรัฐ จะขยายตัว 2 % จากปีที่แล้วที่ติดลบ 1.7 %

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง