สรรพสามิตหนุนรถยนต์ PHEV เตรียมปรับโครงสร้างภาษีรองรับ

สรรพสามิตหนุนรถยนต์ PHEV เตรียมปรับโครงสร้างภาษีรองรับ เผยจะลดเงื่อนไขขนาดขนาดของถังน้ำมัน และ ปริมาณการปล่อย Co2 พร้อมแยกโครงสร้างภาษี PHEV และ HEV ออกจากกัน เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ประเภทนี้

#ทันหุ้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กรมสรรพสามิต เตรียมปรับปรุงเงื่อนไขภาษีเพื่อส่งเสริมรถประเภทรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในหรือ Plug-in Hybrid Electric Vehicle(PHEV ) โดยจะไม่มีเงื่อนไขเรื่องขนาดของถังน้ำมัน เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ประเภทนี้

ทั้งนี้ เขากล่าวภายหลังการเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ BMWและ BYD ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จังหวัดระยองและว่า การปรับปรุงโครงสร้างภาษีรถ PHEV จะตัดหลักเกณฑ์ของการได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ PHEV ในเรื่องการกำหนดขนาดของถังน้ำมันออกไป ซึ่งปัจจุบันกำหนดที่ 45 ลิตร และจะตัดเงื่อนไขในเรื่องปริมาณการปล่อย Co2 ออกไปด้วย รวมถึง จะแยกโครงสร้างภาษีสรรพสามิตของ PHEV และ HEV ออกจากกัน

“การกำหนดเงื่อนไขของขนาดถังน้ำมันของรถ PHEV อาจเป็นปัจจัยไม่ถูกต้อง ทำให้ลดแรงจูงใจของผู้ประกอบการที่จะเข้ามาตั้งฐานการผลิตรถประเภทนี้ในประเทศไทย ขณะที่ ขนาดของถังน้ำมันในรถ PHEV ก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคในโลก”

ส่วนการกำหนดเงื่อนไขในเรื่องปริมาณ Co2 ปล่อยออกมาจากรถ PHEV ทำให้ผู้ผลิตไปเจาะจงในเรื่องการปรับปรุงคุณภาพเครื่องยนต์สันดาป เพื่อให้ปล่อย Co2ต่ำ แทนที่จะเจาะจงในเรื่องแบตเตอรี่ไฟฟ้า

ทั้งนี้ โครงสร้างภาษี PHEV ดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ส่วนการปรับปรุงเงื่อนไขใหม่ดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า สำหรับอัตราภาษีของ PHEV นั้น จะต้องเป็นอัตราที่สามารถแข่งขันได้ แต่อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงสร้างภาษีของ PHEV จะเริ่มใช้ในปี 2569 นั้น นอกจากขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อย co2แล้ว ยังมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ คือ

1. รถยนต์ประเภท PHEV ที่มีระยะการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Range) ไม่ต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อการประจุไฟฟ้า 1 ครั้ง และมีขนาดถังน้ำมันไม่เกิน 45 ลิตร จัดเก็บอัตราภาษีตามมูลค่า 5%

2. รถยนต์ประเภท PHEV มีระยะการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Range) ต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อการประจุไฟฟ้า 1 ครั้ง หรือมีขนาดถังน้ำมันมากกว่า 45 ลิตร จัดเก็บอัตราภาษีตามมูลค่า 10%

ด้านนางสาสกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์โดยการกำหนดระยะการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Range) ดังกล่าว  เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการพัฒนารถยนต์ PHEV ตามหลักสากล ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและต่อยอดให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ประเภท PHEV ที่มีมาตรฐานและสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมยานยนต์ประเภทสันดาปภายในไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต

อีกทั้ง การปรับปรุงหลักเกณฑ์โดยลดข้อกำหนดของขนาดถังน้ำมันในครั้งนี้ จะทำให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนขนาดถังน้ำมันในรถยนต์ที่ผ่านการทดสอบแบบรุ่นที่ได้รับมาตรฐานในระดับสากลมาแล้วให้ลดลงจากเดิม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องทำการทดสอบความปลอดภัยเฉพาะรุ่นที่ผลิตในประเทศไทยใหม่อีกด้วย