รีเซต

OSP กำไร 2,402 ลบ เพิ่ม 24% ปันผล 0.45 บ. XD 2 พ.ค.

OSP กำไร 2,402 ลบ เพิ่ม 24%  ปันผล 0.45 บ. XD 2 พ.ค.
ทันหุ้น
28 กุมภาพันธ์ 2567 ( 18:43 )
73
OSP กำไร 2,402 ลบ เพิ่ม 24%  ปันผล 0.45 บ. XD 2 พ.ค.

#OSP #ทัน,หุ้น - บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP แจ้งผลการดำเนินงานงวดปี 2566 มีกำไรสุทธิ 2,402.10ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.80 บาท เพิ่มขึ้น 24.22% เทียบกับงวดปี 2565 มีกำไรสุทธิ 1,933.77 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.64 บาท

 

คณะกรรมการบริษัทมีมติ จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 3 พ.ค. 2567 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 2 พ.ค.2567 วันที่จ่ายปันผล 23 พ.ค.2567 จ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 2566 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2566 และกำไรสะสม

 

กำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 24 เม.ย. 2567 เวลา 14.00 น. วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) 14 มี.ค.2567 วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม 13 มี.ค.2567 วาระการประชุมที่สำคัญ จ่ายปันผลเป็นเงินสด สถานที่ประชุม ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

 

สรุปภาพรวมธุรกิจที่สำคัญ

ในปี 2566 โอสถสภามีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาสจากการฟื้นตัวของปริมาณขายและกรขยายตัวของอัตรากำไร หลังจากเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งผ่านการสร้างแบรนด์และการดำเนินกลยุทธ์กลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนในองค์กรทั้งด้านการดำเนินงานกระบวนการทำงาน การบหารจัดการสินทรัพย์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการปรับโครงสร้างทางธุรกิจเพื่อมุ่งเน้นการขยายธุรกิจหลัก (Core businesses) ที่บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive advantage) ควบคู่กับการพิจารณาจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-core businesses) รวมถึงเงินลงทุนที่โอสถสภามีส่วนการถือหุ้นส่วนน้อยหรือไม่มีอำนาจควบคุม โดยทั้งหมดนี้เพื่อให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มผู้บริโภคและสภาพแวดล้อมในการแข่งขัน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมเร่งการเติบโตของผลกำไรในปีต่อ ๆ ไป

 

โอสถสภารายงานกำไรสุทธิสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 2,402 ล้านบาท เติบโต 24.2% จากปีก่อน (YoY) โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.2% เติบโต 2.1% YoY โอสถสภามีรายการพิเศษจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 2,181 ล้านบาท เติบโต 14.0% YoY และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 8.4% และในไตรมาส 4 ปี 2566 (Q4'66) บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 592 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 9.1%

 

- รายได้จากกลุ่มธุรกิจหลักเติบโตจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังและการเติบโตอย่างโดดเด่นเป็นตัวเลขสองหลักของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในต่างประเทศ ซึ่งช่วยชดเชยการหดตัวลงของรายได้จากการให้บริการผลิตสินค้า (EM) ส่งผลให้รายได้จากการขายสำหรับปี 2566 เติบโต 1.5% YoY หากไม่รวมผลกระทบของเครื่องดื่มซี-วิทจากการปรับฐานของตลาดเครื่องดื่มวิตามินซีหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย โอสถสภารายงานรายได้จากการขายสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 26,062 ล้านบาท ลดลง 4.4 YoY ในขณะที่รายได้จากการขายสำหรับ Q4/66 เติบโต 4.0% จากไตรมาสก่อน (QoQ) จากธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

 

อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวต่อเนื่องในทุกไตรมาส โดยอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับปี 2566 เพิ่มขึ้น 3.9% YoY อยู่ที่ 34.5% และแตะระดับสูงสุดที่ 35.5% ใน Q4/66 จากการดำเนินกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของโรงงานผลิตขวดแก้วอย่างต่อเนื่อง หลังมีการปิดเตาหลอมบางส่วนทำให้มีอัตราการผลิตดีขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง

 

โอสถสภาในฐานะผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังมุ่งสร้างการเติบโตของตลาดผ่านกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปกับขยายส่วนแบ่งการตลาดที่สร้างผลกำไร (Profitable market share gain) โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสำหรับกลุ่มเครื่องดีมบำรุงกำลังอยู่ที่ 46.6% ลดลง 2.9% YoY แต่มีการฟื้นตัวในเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งโอสถสภายังคงมุ่งมั่นพัฒนาทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์และการบริหารจัดการด้านการขายและกระจายสินค้าเพื่อผลักดันการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดอย่างยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ โอสถสภาเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งทั้งในตลาดเครื่องดื่ม Functional Drinks มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 41.6% และในตลาดย่อยเครื่องดื่มวิตามินซี มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 68.7%

 

คณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิประจำปี 2566 และกำไรสะสมจำนวน 1.65 บาทต่อหุ้นคิดเป็นจำนวนเงิน 4,956 ล้านบาท และอัตราการจ่ายปันผลที่ 206%ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ซึ่งประกอบด้วยเงินปันผลพิเศษจำนวน 0.80 บาทต่อหุ้นที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เนื่องจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท ยูนิ.ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด เงินปันผลระหว่างกาล 0.40 บาทต่อหุ้น และเงินปันผลที่ต้องจ่ายเพิ่ม 0.45 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ เงินปันผลดังกล่าวที่ไม่รวมเงินปันผลพิเศษคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 106% ของกำไสุทธิจากการดำเนินงานตามงบการเงินรวมสำหรับปี 2566

 

ฐานะการเงินของโอสถสภายังคงแข็งแกร่งด้วยสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับต่ำที่ 0.08 เท่า สะท้อนความพร้อมในการเปิดรับโอกาสการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจ โดยมีทีมที่มีประสบการณ์ช่วยขับเคลื่อนการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ช่วยผลักดันสมรรถนะและผลประกอบการขององค์กรสู่ความเป็นเลิศ ผลักดันสู่เป้าหมายการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง