TTCL โบรกฯ มองธุรกิจปีนี้สดใส ตุน Backlog แล้ว 2.14 หมื่นลบ. จับตากลับมาจ่ายปันผล
#TTCL #ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส แนะนำซื้อหุ้นบริษัท ทีทีซีแอล จำกัด(มหาชน) หรือ TTCL โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 6.30 บาท ซึ่งประเมินแนวโน้มธุรกิจในปีนี้สดใส หลังปีที่ผ่านมาคว้างานใหม่ได้ถึง 2.27 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 7 ปี ทำให้ปัจจุันมีงานในมือหรือ Backlog จำนวน 2.14 หมื่นล้านบาท เพียงพอรองรับรายได้ 2 ปีข้างหน้า โดยจะมีการรับรู้ประมาณ 40% หรือ 8,600 ล้านบาท พร้อมโอกาสรับงานเพิ่มจากการยื่นประมูลงานรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราความสำเร็จในการชนะประมูลอยู่ที่ 30% ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้ามีความหวังที่จะชนะประมูลโครงการก่อสร้างในประเทศ มูลค่า 1-2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ทั้งอัตรากำไรขั้นต้นจากการปรับรูปแบบสัญญาให้มีความยืดหยุ่นตามต้นทุนได้มากขึ้น รวมถึง SG&A ที่จะลดลงตั้งแต่งวดไตรมาสแรกปีนี้ หลังหมดภาระการตั้งสำรองด้อยค่าตามมาตรฐาน TFRS9
**จับตากลับมาจ่ายปันผลอีกครั้ง
ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส ยังระบุอีกว่า การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีนี้ มีวาระการประชุมที่น่าสนใจ โดยมีการเสนอให้โอนทุนสำรองตามกฎหมายและส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสม เพื่อเปิดทางให้ TTCL กลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้ง พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนที่คาดหวังได้ทั้ง Capital Gain และ Dividend Yield
"ถึงแม้ TTCL จะมีกำไรสุทธิต่อเนื่องในช่วงระหว่างปี 2563-2565 รวมถึงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสิ้นปี 2565 TTCL ดำรงสถานะเป็น Net Cash มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะบริษัทจำนวน 2,938 ล้านบาทและ 2,099 ล้านบาท ตามลำดับ แต่ TTCL ไม่สามารถจ่ายเงินปันผล ตามนโยบายที่กำหนดไว้ว่าจะจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิได้ เนื่องจาก TTCL ยังมีผลขาดทุนสะสมในงบการเงินเฉพาะบริษัท จำนวน 955.8 ล้านบาท ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท TTCL มีมติเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 เม.ย 66 เพื่อโอนทุนสำรองตามกฏหมายที่จัดสรรแล้ว ณ สิ้นปี 2565 ที่มีจำนวน 56 ล้านบาท และส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่มีจำนวน 3,285.76 ล้านบาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทั้งหมดของบริษัท เปิดทางให้ TTCL กลับมาจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2566 ได้อีกครั้ง"ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์
**รายการพิเศษมีทั้งบวก-ลบ
แม้ปี 2566 จะเป็นปีที่จะเห็นผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามเพราะอาจส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของ TTCL โดยมีรายการที่เป็นทั้งรายการบวก และรายการลบ ดังนี้
รายการที่เป็นบวก : โครงการ Rocksalt ที่เคยสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับ TTCL ในปี 2561 จากการตั้งสำรองด้อยค่า 1,288 ล้านบาท ในงวด 4Q61 เนื่องจากผู้ว่าจ้างคือVINACHEM ไม่ชำระเงินค่าก่อสร้าง นำไปสู่กระบวนการฟ้องร้องผ่านวิธีอนุญาโตตุลาการซึ่งได้จัดให้มีการรับฟังพยานหลักฐานครั้งสุดท้ายไปแล้วในวันที่ 9-11 ม.ค 66 คาดว่าจะมีคำตัดสินออกมาในช่วงเดือน เม.ย. 66 โดยโครงการนี้ TTCL ได้รับเงินจ่ายล่วงหน้าตามคำพิพากษาของศาลเวียดนามจำนวน 531.24 ล้านบาท ในเดือน ส.ค 64 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลูกหนี้การค้าที่ VINACHEM ได้เคยยอมรับสภาพหนี้ไปแล้วแต่ยังไม่ได้ชำระเงินให้กับ TTCL ในช่วงที่เกิดกรณีพิพาท ทำให้ TTCL มีการกลับรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่าของลูกหนี้รายดังกล่าวจำนวน 570.95 ล้านบาท เข้ามาเป็นกำไรพิเศษในงบการเงินงวดไตรมาส 1/65
ทั้งนี้หากผลของคดีเป็นบวกต่อ TTCL ก็มีโอกาสที่ TTCL จะโอนกลับสำรองด้อยค่าส่วนที่เหลืออีก 717 ล้านบาท มาเป็นกำไรพิเศษได้ในอนาคต
รายการที่เป็นลบ : โครงการโรงไฟฟ้าลาดกระบังและโรงไฟฟ้าบางปู ที่ TTCL มีข้อพิพาทกับผู้ว่าจ้าง โดย TTCL เรียกร้องเงินค่างวดค้างชำระ ค่าใช้จ่ายจากการสำรองแรงงานและค่าเปลี่ยนแปลงงาน ค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดชำระร้อยละ 12 ต่อปี รวมกันประมาณ 2.6 พันล้านบาท แต่อนุญาโตตุลาการตัดสินให้ TTCL ได้รับชำระเงินเพียง 287ล้านบาท และต้องชำระเงินให้แก่คู่กรณีรวม 476 ล้านบาท ซึ่ง TTCL ไม่เห็นชอบกับคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ และจะใช้สิทธิยื่นโต้แย้งต่อศาลแพ่งต่อไป
ทั้งนี้ TTCL ยังไม่ได้มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญของค่างานค้างชำระดังกล่าว ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีค่างานค้างชำระรวมกันประมาณ 1.1 พันล้านบาท