รีเซต

ครีมกันแดดสหรัฐฯ ยังอ่อนกว่าหลายชาติทั่วโลก คาดไม่พอรับคลื่นความร้อน

ครีมกันแดดสหรัฐฯ ยังอ่อนกว่าหลายชาติทั่วโลก คาดไม่พอรับคลื่นความร้อน
TNN ช่อง16
25 มิถุนายน 2568 ( 12:00 )
4

ขณะที่ประชาชนกว่า 200 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ กำลังเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรงจาก "โดมความร้อน" ที่แผ่ปกคลุมเกือบทั่วประเทศในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและสิ่งแวดล้อมกลับแสดงความกังวลถึงอีกประเด็นสำคัญที่มักถูกมองข้าม นั่นก็คือ “ครีมกันแดด” ที่ชาวอเมริกันใช้กันอยู่ อาจไม่ได้ปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ดีเท่าครีมกันแดดในประเทศอื่น


แม้ครีมกันแดดในสหรัฐฯ จะสามารถป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดดได้ดี แต่ในด้านการป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของริ้วรอยก่อนวัยและมะเร็งผิวหนัง ยังถือว่ามีประสิทธิภาพต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ในยุโรปและเอเชียตะวันออกอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น


ผลการศึกษาหนึ่งในปี 2017 พบว่า มีเพียงครึ่งเดียวของครีมกันแดดในตลาดสหรัฐฯ ที่ผ่านมาตรฐานการป้องกันรังสี UVA ตามเกณฑ์ของยุโรป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ฝังรากลึกในระบบการอนุมัติผลิตภัณฑ์ของสหรัฐฯ เอง

สาเหตุสำคัญของความล่าช้านี้มาจากแนวทางการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ในสหรัฐฯ ซึ่งจัดให้ครีมกันแดดเป็น "ยา" ที่ต้องผ่านการอนุมัติขององค์การอาหารและยา (FDA) ด้วยกระบวนการที่เข้มงวดและยาวนาน รวมถึงต้องมีการทดสอบกับสัตว์ ในขณะที่หลายประเทศอื่น เช่น ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จัดให้ครีมกันแดดเป็น “เครื่องสำอาง” ที่สามารถอนุมัติส่วนผสมใหม่ได้รวดเร็วและมีความยืดหยุ่นมากกว่า


หนึ่งในตัวอย่างของสารกันแดดที่ถือว่ามีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงคือ “เบโมทริซินอล” (Bemotrizinol) ซึ่งใช้ในยุโรปและเอเชียมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติในสหรัฐฯ แม้บริษัทสัญชาติสวิส DSM-Firmenich จะยื่นเรื่องต่อ FDA แล้วก็ตาม คาดว่าการตัดสินใจอาจต้องรอถึงปี 2026

ถึงแม้จะมีข้อจำกัดเรื่องส่วนผสม ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทาครีมกันแดด โดยระบุว่าผลิตภัณฑ์ในตลาดสหรัฐฯ ยังคง “ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” หากใช้ให้ถูกต้อง โดยแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดชนิด Broad-spectrum (ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB) ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และควรทาทุกวันแม้ในวันที่ไม่มีแสงแดดจัด และสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด ควรมองหาครีมกันแดดประเภท “ฟิสิคัล” หรือ “มิเนอรัล” ที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ซึ่งให้การปกป้องรังสี UVA ที่ดีกว่าและมักเหมาะกับผิวแพ้ง่าย


ประเด็นนี้ได้รับความสนใจมากขึ้นในวงการการเมือง โดยในปี 2023 ส.ส.อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ ได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบการอนุมัติครีมกันแดด โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ ล้าหลังในเรื่องนี้โดยไม่จำเป็น และ ส.ว.ไมค์ ลี จากพรรครีพับลิกัน ก็เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าว โดยย้ำว่า “ไม่มีซ้ายหรือขวาเมื่อเจอกับรังสียูวี" ร่างกฎหมายสองพรรคจึงถูกเสนอเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ทันสมัยขึ้น และเปิดทางให้ใช้วิธีการทดสอบที่ไม่ต้องพึ่งพาสัตว์


ในช่วงที่อุณหภูมิในหลายรัฐของสหรัฐฯ พุ่งสูงทะลุ 38–40 องศาเซลเซียส การดูแลสุขภาพผิวให้ห่างไกลจากอันตรายของรังสี UV ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน และแม้ระบบอนุมัติของประเทศจะช้า แต่ประชาชนก็ยังมีทางเลือกในการปกป้องตนเองได้ด้วยการเลือกใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้อง และเรียกร้องให้ระบบกฎหมายตามให้ทันวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้าไปแล้วทั่วโลก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง