สธ. ยืนยันความพร้อมรับมือโควิด-19 ระลอก 2 ขอปชช.อย่ากังวล

วันนี้ (16 ก.ค.63) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวยืนยันความพร้อมถึงการรับมือสถานการณ์ โควิด-19 โดยระบุว่า ในช่วงแรกของการแพร่ระบาดโควิด-19 ไทยอาจจะยังไม่พร้อม แต่ในปัจจุบัน ไทยมีความพร้อมเป็นอย่างมาก ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล ยาในการรักษาโรค โดยยอมรับว่าโควิด-19 อาจจะไม่หายไปจากประเทศไทยในเร็ววัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการป้องกันโรคส่วนบุคคล และระบบในการควบคุมโรค

สำหรับวันนี้ในโรงพยาบาลไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการหนัก ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนใหญ่รักษาตามอาการ ที่ผ่านมาทางด้านการรักษา มี การปรับให้ยาในการรักษาอาการโควิด-19 ที่เร็วขึ้น และการรักษาที่ต่อเนื่อง จึงทำให้รักษาอาการผู้ป่วยได้เร็ว  และมีความพร้อมในการรองรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ได้ถึง 1,000 รายต่อวัน

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า สิ่งสำคัญคือ อยากให้ประชาชน ใส่หน้ากากอนามัยอยู่เหมือนเดิม หากไม่ใส่หน้ากากอนามัย โอกาสติดเชื้อจะอยู่ ที่ร้อยละ70 แต่เมื่เราใส่หน้ากากอนามัยฯ โอกาสในการแพร่เชื้อ รับเชื้อ จะลดลงเหลือร้อยละ5 เท่านั้น

ทั้งนี้ กระบวนการหากพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 อันดับแรก คือ เจ้าหน้าที่ต้องควบคุมโรคให้เร็ว และ จำกัดการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดให้ได้ เช่น เคสที่จังหวัดระยอง สิ่งที่ทำอย่างแรก คือ เจ้าหน้าที่ เลือกที่จะจัดการเป็นจุดๆในการแพร่ระบาด ล้อมวงไม่ให้แพร่กระจาย และยืนยัน ไม่มีความจะเป็นต้องปิดทั้งจังหวัด อย่างไรก็ตาม ความพร้อม ของทีมทำงาน ในการควบคุมโรค มีความสามารถในการตรวจจับทั่วประเทศ เรามีทีมสอบสวนโรคกว่า 2000 ทีม มีนักระบาดวิทยา

ขณะที่ ข้อมูลจาก นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบกรมการแพทย์ ระบุถึงการเตรียมความพร้อม รับมือ โควิด-19 ระลอก2 ว่า ตอนนี้มีเตียงทั่วประเทศ 20,052 เตียง ในสังกัด 18,405 เตียง นอกสังกัดกระทรวง สธ. อีก 3,647 เตียง ที่ผ่านมาผู้ป่วยโควิด-19 ใน กทม. ร้อยละ60 ส่วนใหญ่รักษายังโรงพยาบาลเอกชน

อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุเพิ่มเติมถึงกรณีการรับผู้ป่วยต่อจากกรณี รพ. เอกชน แห่งหนึ่ง ย่านราษฎร์บูรณะ โดยระบุว่า ทางรพ.ต้นทาง ได้มีการรับรักษาผู้ป่วยรายดังกล่าว ด้วย โรคเบาหวาน อายุ 30 ปี จากนั้น ผู้ป่วย มีอาการ ปอดอักเสบ ทำให้แพทย์จำเป็นต้อง มีการส่งตัวผู้ป่วยมารักษา ที่รพ.ศิริราชฯ ช่วงเวลาเดียวกัน ทาง รพ.ต้นทาง ได้นำเชื้อไปตรวจที่ห้องปฏิบัติ ครั้งแรก พบว่า ให้ผลเป็นบวก ตาม พ.ร.บ โรคติดต่อ ได้ระบุว่า หาก รพ.ใด ได้รับการตรวจหาเชื้อ ในผู้ป่วยแล้วพบ ให้แจ้งมายังกรมควบคุมโรค ภายใน3 ชั่วโมง ซึ่งทางโรงพยาบาลได้แจ้งมาเมื่อวันที่14 ก.ค. ที่ผ่านมา จากนั้น กรมควบคุมโรค จึงได้ส่งตรวจเชื้อซ้ำ เพื่อยืนยัน ผล จาก 3 ห้องปฏิบัติการ ได้แก่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ห้องปฏิบัติการ จุฬาฯ และ ห้องปฏิบัติการ สถาบันบำราศนราดูร พบว่า ผลตรวจไม่ติดเชื้อ

สำหรับการกักตัวบุคลากรทางการแพทย์ที่รักษาผู้ป่วยรายดังกล่าว เป็นไปตามมาตรการ แค่พอทราบผลจากห้องปฏิบัติการว่าไม่พบเชื้อ ก็ได้มีการผ่อนคลายมาตรการตามความเหมาะสม